หลายๆมหาวิทยาลัยดังในออสเตรเลีย กำลังอยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายของการรับสมัครเทอมเดือนกรกฏาคม 2017 แล้วนะ รวมถึงเทอมกุมภาพันธ์ปี 2018 (สำเหรับคนที่ต้องเรียนภาษาก่อน) ก็เริ่มรับสมัครกันแล้วววว!
วันนี้ CP International เลยมา List 10 มหาวิทยาลัยคุณภาพที่กำลังเปิดรับสมัครนักศึกษาอยู่ ซึ่งหลายๆแห่งก็มีทุนซัพพอร์ทบ้าง รวมถึงส่วนลดค่าเรียนปรับภาษาก่อนเข้าเรียนจริง ใครที่ตั้งใจต่อโทต่างประเทศ ตามมาดูเลย
Monash University
มหาวิทยาลัยชื่อดังจากเมืองเมลเบิร์นที่อยู่ในกลุ่ม Group of 8 ที่ดีที่สุดในออสเตรเลีย เป็นมหาวิทยาลัยที่นักศึกษาต่างชาติหลายคนใฝ่ฝัน เพราะชื่อเสียงระดับโลกที่ติดอันดับ Top 100 จาก Times Higher Education และ Academic Ranking of World Universities นอกจากนี้ยังได้คะแนน 5 ดาว ด้านคุณภาพบุคลากร ความคงอยู่ของนักศึกษา และทุนก่ารวิจัยจาก Good Universities Guide
ในด้านการศึกษานั้นติด Top 50 ของโลกกว่า 20 สาขาวิชา อาทิ วิศวกรรมศาตร์, การเงินและบัญชี, เศรษฐ์ศาสตร์, นิติศาสตร์, วิศวกรรม, วิทยาศาสตร์, แพทย์, พยาบาล และอื่นๆอีกมากมาย จากการจัดอันดับของ QS World Rankings
The University of Sydney
อีกหนึ่งมหาวิทยาลัยที่หลายคนอยากไปเรียนมากที่สุดแห่งหนึ่งต้องเป็นที่ University of Sydney มหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศออสเตรเลีย ที่นอกจากจะเป็น Top 3 ของออสเตรเลียแล้ว ยังเป็น Top 50 ของโลกอีกนะ (จัดอันดับโดย QS World Rankings) อีกหนึ่งอย่างที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ดังคงเป็นเรื่องวิทยาเขตสวยจนติดอันดับโลกเชียวล่ะ
ด้านหลักสูตรก็มีให้เลือกมากที่สุดในออสเตรเลีย แน่นอนว่าน่าจะครอบคลุมหลากๆสาขาที่เพื่อนๆอยากเรียน
ซึ่งจำนวนนี้มีถึง 8 สาขาวิชาติด Top 20 ของโลก เรียกว่ามีชื่อเสียงแทบทุกคณะ
นอกจากนี้ศูนย์สอนภาษาของที่นี่กำลังมีโปรลดราคาเหลือเพียง $300/สัปดาห์ จากประมาณกว่า $500 เลย แต่ต้องรีบหน่อยเพราะใกล้หมดเวลาแล้ว
ดูข้อมูล The University of Sydney
The University of Western Australia
หากใครที่อยากเรียนมหาวิทยาลัยดีๆแต่อยู่ในเมืองที่แตกต่าง ที่นี่น่าจะตอบโจทย์นั้นได้เพราะ University of Western of Australia อยู่ที่เมืองเพิร์ท เมืองสบายๆบรรยากาศดีที่อยู่ทางตะวันตกของประเทศออสเตรเลีย ในด้านคุณภาพนั้นก็อยู่ในกลุ่ม Group of 8 ที่ดีที่สุดในออสเตรเลีย และติด Top 100 ของโลก โดย Academic Ranking of World University
University of Western of Australia เปิดสอนในหลากหลายสาขามากมายที่ครอบคลุมทุกคณะที่อยากเรียนแน่นอน
และพิเศษสุดๆกับทุนการศึกษาสำหรับคนที่มีเกรดเฉลี่ยนดีมาตลอด
โดยมูลค่าทุนการศึกษาวัดจากผลการเรียนเฉลี่ย(GPA) ในระดับปริญญาตรี ดังนี้
ทุนการศึกษามูลค่า $3,000 มอบให้แก่นักศึกษาที่มีผลการเรียนเฉลี่ย GPA 3.5
ทุนการศึกษามูลค่า $5,000 มอบให้แก่นักศึกษาที่มีผลการเรียนเฉลี่ย GPA 3.7
ทุนการศึกษามูลค่า $7,000 มอบให้แก่นักศึกษาที่มีผลการเรียนเฉลี่ย GPA 3.8
และศูนย์สอนภาษาของที่นี่ก็มีโปรลดราคาเหลือเพียง $295/สัปดาห์ จากประมาณกว่า $500 ด้วยนะ
ดูข้อมูล The University of Western Australia
UTS: University of Technology, Sydney
University of Technology Sydney หรือเรียกสั้นๆว่า UTS เป็นมหาวิทยาลัยใหม่ แต่ได้รับการยอมรับว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่อายุต่ำกว่า 50 ปีที่ดีที่สุดในออสเตรเลีย และติด Top 10 ของมหาวิทยาลัยทั้งหมดในออสเตรเลีย ด้วยความที่เป็นมหาวิทยาลัยใหม่นี่แหละ จึงโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ตั้งอยู่ใจกลางเมืองซิดนีย์ที่เดินทางสุดสะดวก
UTS มีชื่อเสียงมากโดยเฉพาะหลักสูตร Engineer, Business, Communication, Design, Nursing, Laws, Health
อ้อ เค้ามีทุนการศึกษาให้ด้วยทั้งป.ตรี และป.โท ดังนี้
ทุนการศึกษาระดับปริญญาตรี
• Academic Excellence Awards – ทุนการศึกษามูลค่า 10,000 เหรียญ มอบให้นักศึกษาต่างชาติที่สมัครเรียนในหลักสูตรระดับปริญญาตรีกับทางมหาวิทยาลัยในปี 2017 โดยทุนการศึกษาจะถูกหักออกจากค่าเล่าเรียนเป็นปีละ 5,000 เหรียญ
• ผู้ได้รับทุนจะถูกคัดเลืกจากผลการเรียนดีเด่นโดยเทียบกับระบบการศึกษาระกับมัธยมศึกษาของออสเตรเลีย
• ผู้สมัครที่สมัครเข้าเรียนกับ UTS จะได้รับการคัดเลือกรับทุนนี้ทุกคน
ทุนการศึกษาระดับปริญญาโท
• Academic Excellence Awards – ทุนการศึกษามูลค่า 5,000 เหรียญ มอบให้นักศึกษาต่างชาติที่สมัครเรียนในหลักสูตรระดับปริญญาโทกับทางมหาวิทยาลัยในปี 2017
• ผู้ได้รับทุนจะถูกคัดเลืกจากผลการเรียนดีเด่น
• ผู้สมัครที่สมัครเข้าเรียนกับ UTS จะได้รับการคัดเลือกรับทุนนี้ทุกคน
ดูข้อมูล UTS: University of Technology, Sydney
Macquarie University
เรียกว่าเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยยอดฮิตของนักศึกษาไทยเลยทีเดียวสำหรับ Macquarie University เพราะที่นี่มีชื่อเสียงมากๆในหลักสูตร Business การันตี MBA อันดับ 1 ในออสเตรเลียเลยนะ สาขาอย่าง Accounting และ Finance ก็ติดอันดับโลก ถ้าใครมาสาย Business ที่นี่น่าสนใจมากๆ แคมปัสก็ใกล้ตัวเมืองซิดนีย์ น่าจะเหมาะกับไลฟ์สไตล์ใครหลายคน
และทุนปี 2017 ของที่นี่มีแน่นอน
Macquarie University ASEAN Scholarship มูลค่า $5000
โดยทางมหาวิทยาลัยจะมอบทุนมูลค่า $ 5,000 ต่อปีต่อค่าเล่าเรียนทั้งหมดของหลักสูตร ( โดยครอบคลุมค่าเล่าเรียน $ 2,500 ของแต่ละภาคการศึกษา) ทุนการศึกษานี้คลอบคลุมหลักสูตรทั้งในระดับปริญญาตรีและปริญญาโท ทั้งนี้ต้องเป็นหลักสูตร full time และเรียนในมหาวิทยาลัยเท่านั้น
*** นอกจากนี้ผู้สมัครยังมีสิทธิ์ได้รับทุน Vice-Chancellor's International Scholarship
โดยผู้สมัครจะได้รับทุนการศึกษาเพิ่มอีก $5,000 เมื่อเรียนจบหลักสูตรที่ Macquarie University
เงื่อนไข:
- ผู้สมัครจะต้องได้รับจดหมายรับรองจากทางมหาวิทยาลัยแบบไม่ติดเงื่อนไข
- มีเกรดเฉลี่ย 3.00 ขึ้นไป
- ลงเรียนหลักสูตร full-time ภายในปีการศึกษา 2017
CQUniversity
หรือชื่อเต็มๆว่า Central Queensland University เป็นมหาวิทยาลัยระดับกลาง แต่ก็สร้างปรากฏการณ์ความก้าวหน้า จนสร้างชื่อเสียงอยู่ในหัวแถวของออสเตรเลีย รวมถึงติดอันดับโลกจาก Times Higher Education World Rankings อีกด้วย ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้มีให้เลือกเรียนหลายวิทยาเขตมากทั้ง ซิดนีย์ เมลเบิร์น บริสเบน แอดิเลด
เปิดสอนหลักสูตร อาทิเช่น Education & Arts, Business & Law, Engineering, Medical, Health Science เป็นต้น
Victoria University
หนึ่งในมหาวิทยาลัยประจำเมืองเมลเบิร์นที่หลายๆคนเลือกไปเรียนคือ Victoria University มหาวิทยาลัยรัฐบาลที่ไม่ได้มีสอนแค่หลักสูตรปริญญเท่านั้น แต่มีหมดทั้งสายอาชีพ และภาษาอังกฤษ ความยอดเยี่ยมของมหาวิทยาลัยแห่งนี้คือมีคอนเนคชั่นกับภาคธุรกิจมากมาย ที่จะทำให้มีโอกาสเรียนรู้นอกสถานที่จริงๆควบคู่ไปด้วย
Victoria University เปิดสอนในหลักสูตรอาทิ เช่น Art, Business, IT, Law, Engineering, Health เป็นต้น
ส่วนศูนย์สอนภาษามหาวิทยาลัยแห่งนี้ก็มีโปรโมชั่นสุดพิเศษเพียง $300 ด้วยนะ
Southern Cross University
ทางเลือกใหม่สำหรับนักศึกษาที่อยากไปเรียนท่ามกลางบรรยากาศแสงแดด และชายหาดสวย เพราะ Southern Cross University มหาวิทยาลัยรัฐบาลแห่งนี้มีวิทยาเขตอยู่ที่โกลด์โคสต์ เมืองแห่งชายหาดและการโต้คลื่น เรียกว่าเป็นประสบการณ์แปลกใหม่สำหรับไปเรียนต่อเลยทีเดียวนะ และยังมีวิทยาเขตที่ลิสมอร์ และคอร์ฟฮาเบอร์ด้วย
ด้านการศึกษา Southern Cross University ได้ติดอันดับ Top 100 ของโลก ด้านมหาวิทยาลัยที่อายุน้อยกว่า50 ปีที่ดีที่สุด
โดยมหาวิทยาลัยแห่งนี้มีชื่อด้าน บริหารธุรกิจ การท่องเที่ยวและโรงแรม
และท้ายสุดที่นี่มีทุนการศึกษาสำหรับเรียนปริญญา ปริญญามูลค่า $5,000
เงื่อนไขดังนี้
- สำหรับผู้ที่สมัครเข้าเรียนระดับปริญญาตรี โท หรือเอกกับทางมหาวิทยาลัย
- ได้จดมายตอบรับแบบ Full offer หรือติดเงื่อนไขภาษาอังกฤษก็ได้
- สมัครและเริ่มเรียนภายในปี 2017
และสำหรับใครที่ต้องเรียนภาษาอังกฤษก่อนเข้าเรียน หรือไปเรียนภาษาอังกฤษเฉยๆ SCU ก็มีแถมสัปดาห์เรียนฟรี ดังนี้
-สมัครเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษกับ Southern Cross University ตั้งแต่ 25 สัปดาห์ขึ้นไป จะได้รับทุนการศึกษาฟรี 5 สัปดาห์ (นักเรียนจ่ายเพียง 20 สัปดาห์ของหลักสูตร)
ดูข้อมูล Southern Cross University
Curtin University
เพิร์ท เป็นเมืองใหญ่ทางตะวันตกของออสเตรเลีย ถือเป็นเมืองทางเลือกใหม่สำหรับคนที่มาเรียนต่ออย่างแท้จริง เพราะด้วยบรรยากาศชิวๆ คนไม่เยอะมาก ซึ่ง Curtin University ก็เป็นอีกหนึ่งมหาวิทยาลัยชั้นแนวหน้าของโลก อยู่ที่เพิร์ทแห่งนี้ ที่นี่จะดังด้าน Business, IT, Engineering, Law, Science, Health ซึ่งหลายๆสาขาติด Top 100 ของโลกด้วย
ในส่วนของนักศึกษาไทยก็มาเรียนที่นี่พอสมควร เป็นทางเลือกที่ดีเยี่ยมเลย สำหรับใครที่แพลนไปเรียนต่อในเมืองที่แตกต่าง
Curtin University มีทุนซัพพอร์ทสำหรับคนสมัครเรียนปี 2017 ด้วยนะ
มอบทุนส่วนลดค่าเล่าเรียน 25% (สูงสุด 10,000 AUD) สำหรับนักศึกษาต่างชาติที่สมัครเรียน ปริญญาตรีและปริญญาโท เข้าเรียนที่ Perth Campus ในปีการศึกษา 2017 เท่านั้น
Swinburne University of Technology
มหาวิทยาลัยดังจากเมืองเมลเบิร์น เติบโตมาจากสถาบันสายอาชีพ จึงทำให้มีจุดเด่นในการเรียนแบบปฏิบัติ พร้อมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย และยังเป็นพันธมิตรที่ดีกับอุตสาหกรรม และภาครัฐบาลอีกด้วย นักศึกษาไทยหลายคนเลือกมาเรียนที่นี่พร้อมกับได้พัฒนาทักษะมากมาย
สอนหลากหลายหลักสูตรมากมายอาทิ Business, Engineering, Law, Health Science, Aviation, IT, Communication เป็นต้น
Swinburne มอบทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาต่างชาติประจำปี 2017 ดังต่อไปนี้
Swinburne International Excellence Scholarship – Pathways
ทุนการศึกษามูลค่าส่วนลดค่าเล่าเรียนตั้งแต่ $7,000 ถึง $9,000 สำหรับนักเรียนที่สนใจเรียนภาษาอังกฤษ pathway และเข้าเรียนต่อระดับปริญญาตรีที่ Swinburne ภายในปี 2017 ในหลักสูตรดังต่อไปนี้
Foundation Year + UniLink Diploma + Bachelor program
Foundation Year + Bachelor program
UniLink Diploma + Bachelor program
*โดยนักเรียนที่เรียนภาษาอังกฤษในเทอมใดก็ตาม แต่มีความประสงค์จะเรียนต่อหลักสูตรปริญญาตรีที่ Swinburne ก็มีสิทธิ์ได้รับทุนนี้เช่นกัน
Swinburne International Excellence Scholarship – Undergraduate
ทุนการศึกษามูลค่าส่วนลดค่าเล่าเรียนตั้งแต่ 10% ถึง 25% สำหรับนักเรียนที่สนใจเรียนต่อระดับปริญญาตรีที่ Swinburne ภายในปี 2017 โดยนักเรียนที่ถือ packaged offer หรือเรียนภาษาอังกฤษ + หลักสูตรปริญญาตรีมีสิทธิ์ได้รับทุนนี้เช่นกัน
Swinburne International Excellence Scholarship – Postgraduate
ทุนการศึกษามูลค่าส่วนลดค่าเล่าเรียนตั้งแต่ 10% ถึง 25% สำหรับนักเรียนที่สนใจเรียนต่อระดับปริญญาโทหลักสูตร 2 ปีที่ Swinburne ภายในปี 2017 ในหลักสูตรดังต่อไปนี้
-Business and Management
-Design
-Engineering
-Innovation
-Information and Communication Technologies
-Media and Communications
-Science
Swinburne International Excellence Scholarship - Professional Computing and Network Systems
ทุนการศึกษามูลค่า $2,500 สำหรับนักเรียนที่สนใจเรียนต่อระดับปริญญาโทด้าน ICT ในสาขาต่อไปนี้
- Master of Information Technology (Professional Computing)
- Master of Science (Network Systems)
เงื่อนไขผู้สมัคร
- นักเรียนจะต้องได้รับจดหมายตอบรับจากทางมหาวิทยาลัยในหลักสูตรข้างต้น
- นักเรียนจะต้องเริ่มเรียนภายในปี 2017
- นักเรียนจะต้องตอบรับทุนการศึกษาภายใน 4 สัปดาห์จากวันที่ได้รับจดหมายตอบรับจากมหาวิทยาลัย (ในกรณีที่เป็นจดหมายตอบรับแบบไม่ติดเงื่อนไข)
- นักเรียนที่ได้จดหมายตอบรับแบบติดเงื่อนไขจะต้องตอบรับทันทีที่ผ่านเงื่อนไขของมหาวิทยาลัย
ดูข้อมูล Swinburne University of Technology
สุดท้ายแล้ว ใครที่อยากรู้ทุกเรื่องเรียนต่อป.โทที่ออสเตรเลีย อย่าลืมแวะมางาน Australian Universities Application Days ในวันที่ 25-26 พฤษภาคมนี้ ที่ CP International สาขากรุงเทพและเชียงใหม่ เวลา 13.00-14.30 น. กันนะ
ลงทะเบียนร่วมงานฟรีที่ http://www.cpinter.co.th/event_detail.php?id=17
งานดีๆที่ CP Inter จะมาแนะนำเพื่อนๆทุกเรื่องเรียนต่อโท. ออสเตรเลีย อาทิเช่น
- วิธีเข้ามหาวิทยาลัยดัง
- อยากเรียนด้านนั้นด้านนี้ ที่ไหนดีมั่ง
- IELTS ไม่ถึงเกณฑ์ต้องทำไง
- รู้จัก Post-Study Work Visa ที่ได้สิทธิ์ทำงานต่ออีก 2 ปี หลังเรียนจบอีกนะ
แล้วพบกันนะครับ
ช่วงนี้หลายๆคนที่จะเรียนต่อต่างประเทศคงจะเริ่มๆเตรียมตัวกันแล้วใช่มั๊ยคะ โดยเฉพาะน้องๆที่จะเรียนต่อด้าน Art&Design ที่ต้องเริ่มๆเตรียม Portfolio กันแล้วล่ะค่ะ
วันนี้แอดมินก็เอา Tips เล็กๆน้อยๆมาฝาก จะได้เอามาช่วยปรับปรุง Portfolio ของทุกคนให้สมบูรณ์มากขึ้นจ้า
1. Research สั้นๆง่ายๆเลยค่ะ ต้องหาข้อมูลกันก่อนว่าสาขาที่เราอยากจะเรียนเค้าสอนด้านไหน แล้วเราก็ปรับ Portfolio ของเราให้ไปในทางเดียวกันค่ะ อย่างเช่น ถ้าเราอยากเรียน Architecture งานที่จะอยู่ใน Portfolio ของเราก็ควรเป็นรูปแนวๆ ตึกรามบ้านช่อง หรือ Landscape เป็นต้นค่ะ
นอกจากนี้เราควรศึกษาให้ดีนะคะ ว่าสาขาและสถาบันที่เราจะเข้าต้องการดูภาพแนวไหนบ้าง และต้องการงานกี่ชิ้นจ้า
2. อธิบายค่ะ ทั้งที่มา ไอเดีย เทคนิคที่ใช้ และขั้นตอนการพัฒนางาน เพื่อให้คนดูเข้าใจงานของเรามากขึ้นค่ะ ไม่ต้องเขียนยาวมากก็ได้ค่ะ ประมาณ 100 คำ ให้คนอ่านพอเข้าใจวิธีการทำงานของเราค่ะ
วิธีการนี้จะให้คนที่ดูงานเราไม่ได้ดูเฉพาะที่ฝีมือ หรือ ความสวยงามของภาพค่ะ แต่จะมองลึกมาถึงไอเดียและวิธีการคิดงานของเราอีกด้วย
3. สิ่งที่ห้ามลืมคือ ภาพสเก็ต ค่ะ ภาพสเก็ตเป็นส่วนสำคัญอีกส่วนนึงใน Portfolio เลยค่ะ เพราะเป็นส่วนที่ทำให้เห็นถึงพัฒนาการและความสนใจของตัวเราเองค่ะ จะเป็นตัวช่วยแสดงถึงความตั้งใจและความมุ่งมั่นของเราอีกด้วยนะ
4. ถ้างานที่นำเสนอเป็น 3D ก็ควรจะถ่ายภาพงานนั้นในแสงที่เหมาะสมกับตัวงานที่สุดค่ะ เพื่อช่วยให้เรานำเสนอผลงานได้อย่างสวยงาม เพราะคนดูไม่สามารถสัมผัสงานตัวจริงที่เป็น 3D ได้อยู่แล้ว ให้แสงเป็นตัวช่วยเราดีกว่าาาาา
5. รูปแบบของ Portfolio ควรเรียบง่าย น่าสนใจ และที่สำคัญดูง่ายเข้าใจง่ายค่ะ ซึ่งจริงๆแล้วข้อนี้สามารถใช้ได้กับทั้ง Portfolio เอง Resume หรือเอกสารที่ใช้ในการนำเสนอเกือบทุกชนิดเลยค่ะ เพราะความเรียบง่าย เข้าใจง่าย จะดึงดูดให้คนดูรู้สึกสบายใจที่จะดูต่อค่ะ
นอกจากนี้ ถ้าใครสนใจที่จะเรียน Architecture แต่ยังไม่รู้จะไปเรียนที่ไหนดี ลองดูที่ RMIT University เป็นสถาบันที่ด้าน Architecture ของเค้า ติด Top 30 ของโลกเลยค่ะ
เคยสงสัยไหมคะ ว่าการไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศนั้น ...
ระหว่างเรียนที่ศูนย์ภาษาของมหาวิทยาลัย กับเรียนที่สถาบันเอกชนทั่วไปนั้น
มันมีความแตกต่างกันอย่างไร? แบบไหนดีกว่ากัน? อย่างไหนที่จะตอบโจทย์เราได้ตรงจุด? :)
แน่นอนค่ะว่า การตัดสินใจไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศนั้น กว่าที่เราจะรวบรวมความกล้าไปขออนุญาติกับทางบ้าน หรือกว่าจะเก็บหอมรอมริบได้มากพอ และกว่าที่เราจะเลือกได้ ว่าเราควรไปเรียนที่ประเทศไหนดี มันก็น่าปวดหัวอยู่ไม่น้อยเลย
ไปอเมริกาก็ดี ประเทศใหญ่โตมหาอำนาจ หรือจะไปแคนาดา เมืองแห่งการศึกษาที่อากาศหนาวเย็นเกือบทั้งปี นิวซีแลนด์ก็ดี ธรรมชาติแสนสวยงาม เพลิดเพลินกับฝูงแกะแสนน่ารัก หรืออังกฤษเมืองผู้ดี ประเทศที่เก่าแก่และมีอารยธรรมที่ยาวนาน หรือจะไปที่ออสเตรเลีย ประเทศที่แสนจะเป็นมิตร ประเทศในฝันของใครหลายๆคน ที่จะเข้ามาเรียน มาทำงาน และมาลงหลักปักฐาน หรือโยกย้ายถิ่นฐานเข้ามาสู่ที่แดนจิงโจ้แห่งนี้ ...
เห็นไหมคะว่า แค่เลือกประเทศที่จะไปเรียนนั้น ก็เล่นเอาหัวหมุมเป็นพายุทอร์นาโดกันแล้ว เลือกประเทศได้แล้ว ยังต้องมาเลือกกันอีกว่าจะเรียนที่เมืองไหน และเรียนกับสถาบันไหนดี ......
วันนี้เราจะมาพูดถึงความแตกต่างระหว่างการเรียนภาษาที่ศูนย์ภาษาของมหาวิทยาลัย กับเรียนที่สถาบันเอกชนทั่วไปนั้น เราควรเลือกแบบไหนดีนะ?
เรียนในศูนย์ภาษาของมหาวิทยาลัย
• ห้องเรียนตั้งอยู่ในรั้วของมหาวิทยาลัย
• จำนวนนักเรียนในชั้นเรียนมีจำนวนน้อย ซึ่งทำให้การเรียนการสอนเข้าถึงได้ดี
• นักเรียนภาษา สามารถใช้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในรั้วมหาวิทยาลัยได้ เช่น ห้องคอมพิวเตอร์ห้องสมุด ศูนย์กีฬา คลับต่างๆ โดยต้องศึกษากฎต่างๆของมหาวิทยาลัยอีกที *สอบถามเจ้าหน้าที่ศูนย์ภาษาได้โดยตรง*
• สามารถขอเข้าไปทดลองเรียนในบางวิชา บางสาขาที่เราถนัดได้ เหมาะกับนักเรียนที่วางแผนการเรียนต่อในระดับปริญาตรี/โท/เอก ในอนาคต
• นักเรียนในห้องเรียน ส่วนใหญ่จะจริงจังกับการเรียน แม้เป็นแค่การเรียนภาษา และไม่เน้นทำงานช่วงพาร์ทไทม์เท่าใดนัก และส่วนใหญ่วางแผนการเตรียมตัวสอบ IELTS หรืออื่นๆ
• ค่าเรียนค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับสถาบันภาษาเอกชนด้านนอก ... แต่คุ้มค่ามากมาย
• หากเลือกเรียนในมหาวิทยาลัยที่อยู่ใน category level1 นักเรียนไม่จำเป็นต้องสอบไอเอล *ตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องของกฎวีซ่าออสเตรเลียมากมาย หากสนใจสอบถามได้ค่ะ*
เรียนกับศูนย์ภาษาเอกชนทั่วไป
• สถานที่เรียนตั้งอยู่ในตึก ส่วนใหญ่จะอยู่ในย่านธุรกิจ เดินทางสะดวก แต่จะไม่มีพื้นที่กว้างขวางเหมือนกับศูนย์ภาษาของมหาวิทยาลัย
• จำนวนนักเรียนในชั้นเรียนบางสถาบันมีจำนวนน้อย บางแห่งค่อนข้างเยอะ แต่ละสถาบันจะไม่เท่ากัน
• สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆมีให้นักเรียน ในจำนวนจำกัด เนื่องจากพื้นที่มีจำกัดนั่นเอง
• นักเรียนในห้องเรียนมีหลากหลายประเภท ทั้งแบบที่ตั้งใจมาเรียนจริงๆ หรือแบบที่ต้องการวีซ่านักเรียนเพื่อไปทำงานเก็บเงิน บางคนมีงบประมาณที่จำกัด หรือมาเรียนเพียงระยะสั้นๆช่วงปิดเทอม ดังนั้น เพื่อนๆในห้องจะมีหลากหลายแบบ ทั้งอายุ และความต้องการของแต่ละคน
• หากเลือกเรียนในสถาบันที่อยู่ใน category level1 นักเรียนไม่จำเป็นต้องสอบไอเอล ตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องของกฎวีซ่าออสเตรเลียมากมาย หากสนใจติดต่อสอบถาม CP International ได้เลยค่ะ
หลายๆมหาวิทยาลัยดังในออสเตรเลีย กำลังอยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายของการรับสมัครเทอมเดือนกรกฏาคม 2017 แล้วนะ รวมถึงเทอมกุมภาพันธ์ปี 2018 (สำเหรับคนที่ต้องเรียนภาษาก่อน) ก็เริ่มรับสมัครกันแล้วววว!
วันนี้ CP International เลยมา List 10 มหาวิทยาลัยคุณภาพที่กำลังเปิดรับสมัครนักศึกษาอยู่ ซึ่งหลายๆแห่งก็มีทุนซัพพอร์ทบ้าง รวมถึงส่วนลดค่าเรียนปรับภาษาก่อนเข้าเรียนจริง ใครที่ตั้งใจต่อโทต่างประเทศ ตามมาดูเลย
Monash University
มหาวิทยาลัยชื่อดังจากเมืองเมลเบิร์นที่อยู่ในกลุ่ม Group of 8 ที่ดีที่สุดในออสเตรเลีย เป็นมหาวิทยาลัยที่นักศึกษาต่างชาติหลายคนใฝ่ฝัน เพราะชื่อเสียงระดับโลกที่ติดอันดับ Top 100 จาก Times Higher Education และ Academic Ranking of World Universities นอกจากนี้ยังได้คะแนน 5 ดาว ด้านคุณภาพบุคลากร ความคงอยู่ของนักศึกษา และทุนก่ารวิจัยจาก Good Universities Guide
ในด้านการศึกษานั้นติด Top 50 ของโลกกว่า 20 สาขาวิชา อาทิ วิศวกรรมศาตร์, การเงินและบัญชี, เศรษฐ์ศาสตร์, นิติศาสตร์, วิศวกรรม, วิทยาศาสตร์, แพทย์, พยาบาล และอื่นๆอีกมากมาย จากการจัดอันดับของ QS World Rankings
The University of Sydney
อีกหนึ่งมหาวิทยาลัยที่หลายคนอยากไปเรียนมากที่สุดแห่งหนึ่งต้องเป็นที่ University of Sydney มหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศออสเตรเลีย ที่นอกจากจะเป็น Top 3 ของออสเตรเลียแล้ว ยังเป็น Top 50 ของโลกอีกนะ (จัดอันดับโดย QS World Rankings) อีกหนึ่งอย่างที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ดังคงเป็นเรื่องวิทยาเขตสวยจนติดอันดับโลกเชียวล่ะ
ด้านหลักสูตรก็มีให้เลือกมากที่สุดในออสเตรเลีย แน่นอนว่าน่าจะครอบคลุมหลากๆสาขาที่เพื่อนๆอยากเรียน
ซึ่งจำนวนนี้มีถึง 8 สาขาวิชาติด Top 20 ของโลก เรียกว่ามีชื่อเสียงแทบทุกคณะ
นอกจากนี้ศูนย์สอนภาษาของที่นี่กำลังมีโปรลดราคาเหลือเพียง $300/สัปดาห์ จากประมาณกว่า $500 เลย แต่ต้องรีบหน่อยเพราะใกล้หมดเวลาแล้ว
ดูข้อมูล The University of Sydney
The University of Western Australia
หากใครที่อยากเรียนมหาวิทยาลัยดีๆแต่อยู่ในเมืองที่แตกต่าง ที่นี่น่าจะตอบโจทย์นั้นได้เพราะ University of Western of Australia อยู่ที่เมืองเพิร์ท เมืองสบายๆบรรยากาศดีที่อยู่ทางตะวันตกของประเทศออสเตรเลีย ในด้านคุณภาพนั้นก็อยู่ในกลุ่ม Group of 8 ที่ดีที่สุดในออสเตรเลีย และติด Top 100 ของโลก โดย Academic Ranking of World University
University of Western of Australia เปิดสอนในหลากหลายสาขามากมายที่ครอบคลุมทุกคณะที่อยากเรียนแน่นอน
และพิเศษสุดๆกับทุนการศึกษาสำหรับคนที่มีเกรดเฉลี่ยนดีมาตลอด
โดยมูลค่าทุนการศึกษาวัดจากผลการเรียนเฉลี่ย(GPA) ในระดับปริญญาตรี ดังนี้
ทุนการศึกษามูลค่า $3,000 มอบให้แก่นักศึกษาที่มีผลการเรียนเฉลี่ย GPA 3.5
ทุนการศึกษามูลค่า $5,000 มอบให้แก่นักศึกษาที่มีผลการเรียนเฉลี่ย GPA 3.7
ทุนการศึกษามูลค่า $7,000 มอบให้แก่นักศึกษาที่มีผลการเรียนเฉลี่ย GPA 3.8
และศูนย์สอนภาษาของที่นี่ก็มีโปรลดราคาเหลือเพียง $295/สัปดาห์ จากประมาณกว่า $500 ด้วยนะ
ดูข้อมูล The University of Western Australia
UTS: University of Technology, Sydney
University of Technology Sydney หรือเรียกสั้นๆว่า UTS เป็นมหาวิทยาลัยใหม่ แต่ได้รับการยอมรับว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่อายุต่ำกว่า 50 ปีที่ดีที่สุดในออสเตรเลีย และติด Top 10 ของมหาวิทยาลัยทั้งหมดในออสเตรเลีย ด้วยความที่เป็นมหาวิทยาลัยใหม่นี่แหละ จึงโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ตั้งอยู่ใจกลางเมืองซิดนีย์ที่เดินทางสุดสะดวก
UTS มีชื่อเสียงมากโดยเฉพาะหลักสูตร Engineer, Business, Communication, Design, Nursing, Laws, Health
อ้อ เค้ามีทุนการศึกษาให้ด้วยทั้งป.ตรี และป.โท ดังนี้
ทุนการศึกษาระดับปริญญาตรี
• Academic Excellence Awards – ทุนการศึกษามูลค่า 10,000 เหรียญ มอบให้นักศึกษาต่างชาติที่สมัครเรียนในหลักสูตรระดับปริญญาตรีกับทางมหาวิทยาลัยในปี 2017 โดยทุนการศึกษาจะถูกหักออกจากค่าเล่าเรียนเป็นปีละ 5,000 เหรียญ
• ผู้ได้รับทุนจะถูกคัดเลืกจากผลการเรียนดีเด่นโดยเทียบกับระบบการศึกษาระกับมัธยมศึกษาของออสเตรเลีย
• ผู้สมัครที่สมัครเข้าเรียนกับ UTS จะได้รับการคัดเลือกรับทุนนี้ทุกคน
ทุนการศึกษาระดับปริญญาโท
• Academic Excellence Awards – ทุนการศึกษามูลค่า 5,000 เหรียญ มอบให้นักศึกษาต่างชาติที่สมัครเรียนในหลักสูตรระดับปริญญาโทกับทางมหาวิทยาลัยในปี 2017
• ผู้ได้รับทุนจะถูกคัดเลืกจากผลการเรียนดีเด่น
• ผู้สมัครที่สมัครเข้าเรียนกับ UTS จะได้รับการคัดเลือกรับทุนนี้ทุกคน
ดูข้อมูล UTS: University of Technology, Sydney
Macquarie University
เรียกว่าเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยยอดฮิตของนักศึกษาไทยเลยทีเดียวสำหรับ Macquarie University เพราะที่นี่มีชื่อเสียงมากๆในหลักสูตร Business การันตี MBA อันดับ 1 ในออสเตรเลียเลยนะ สาขาอย่าง Accounting และ Finance ก็ติดอันดับโลก ถ้าใครมาสาย Business ที่นี่น่าสนใจมากๆ แคมปัสก็ใกล้ตัวเมืองซิดนีย์ น่าจะเหมาะกับไลฟ์สไตล์ใครหลายคน
และทุนปี 2017 ของที่นี่มีแน่นอน
Macquarie University ASEAN Scholarship มูลค่า $5000
โดยทางมหาวิทยาลัยจะมอบทุนมูลค่า $ 5,000 ต่อปีต่อค่าเล่าเรียนทั้งหมดของหลักสูตร ( โดยครอบคลุมค่าเล่าเรียน $ 2,500 ของแต่ละภาคการศึกษา) ทุนการศึกษานี้คลอบคลุมหลักสูตรทั้งในระดับปริญญาตรีและปริญญาโท ทั้งนี้ต้องเป็นหลักสูตร full time และเรียนในมหาวิทยาลัยเท่านั้น
*** นอกจากนี้ผู้สมัครยังมีสิทธิ์ได้รับทุน Vice-Chancellor's International Scholarship
โดยผู้สมัครจะได้รับทุนการศึกษาเพิ่มอีก $5,000 เมื่อเรียนจบหลักสูตรที่ Macquarie University
เงื่อนไข:
- ผู้สมัครจะต้องได้รับจดหมายรับรองจากทางมหาวิทยาลัยแบบไม่ติดเงื่อนไข
- มีเกรดเฉลี่ย 3.00 ขึ้นไป
- ลงเรียนหลักสูตร full-time ภายในปีการศึกษา 2017
CQUniversity
หรือชื่อเต็มๆว่า Central Queensland University เป็นมหาวิทยาลัยระดับกลาง แต่ก็สร้างปรากฏการณ์ความก้าวหน้า จนสร้างชื่อเสียงอยู่ในหัวแถวของออสเตรเลีย รวมถึงติดอันดับโลกจาก Times Higher Education World Rankings อีกด้วย ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้มีให้เลือกเรียนหลายวิทยาเขตมากทั้ง ซิดนีย์ เมลเบิร์น บริสเบน แอดิเลด
เปิดสอนหลักสูตร อาทิเช่น Education & Arts, Business & Law, Engineering, Medical, Health Science เป็นต้น
Victoria University
หนึ่งในมหาวิทยาลัยประจำเมืองเมลเบิร์นที่หลายๆคนเลือกไปเรียนคือ Victoria University มหาวิทยาลัยรัฐบาลที่ไม่ได้มีสอนแค่หลักสูตรปริญญเท่านั้น แต่มีหมดทั้งสายอาชีพ และภาษาอังกฤษ ความยอดเยี่ยมของมหาวิทยาลัยแห่งนี้คือมีคอนเนคชั่นกับภาคธุรกิจมากมาย ที่จะทำให้มีโอกาสเรียนรู้นอกสถานที่จริงๆควบคู่ไปด้วย
Victoria University เปิดสอนในหลักสูตรอาทิ เช่น Art, Business, IT, Law, Engineering, Health เป็นต้น
ส่วนศูนย์สอนภาษามหาวิทยาลัยแห่งนี้ก็มีโปรโมชั่นสุดพิเศษเพียง $300 ด้วยนะ
Southern Cross University
ทางเลือกใหม่สำหรับนักศึกษาที่อยากไปเรียนท่ามกลางบรรยากาศแสงแดด และชายหาดสวย เพราะ Southern Cross University มหาวิทยาลัยรัฐบาลแห่งนี้มีวิทยาเขตอยู่ที่โกลด์โคสต์ เมืองแห่งชายหาดและการโต้คลื่น เรียกว่าเป็นประสบการณ์แปลกใหม่สำหรับไปเรียนต่อเลยทีเดียวนะ และยังมีวิทยาเขตที่ลิสมอร์ และคอร์ฟฮาเบอร์ด้วย
ด้านการศึกษา Southern Cross University ได้ติดอันดับ Top 100 ของโลก ด้านมหาวิทยาลัยที่อายุน้อยกว่า50 ปีที่ดีที่สุด
โดยมหาวิทยาลัยแห่งนี้มีชื่อด้าน บริหารธุรกิจ การท่องเที่ยวและโรงแรม
และท้ายสุดที่นี่มีทุนการศึกษาสำหรับเรียนปริญญา ปริญญามูลค่า $5,000
เงื่อนไขดังนี้
- สำหรับผู้ที่สมัครเข้าเรียนระดับปริญญาตรี โท หรือเอกกับทางมหาวิทยาลัย
- ได้จดมายตอบรับแบบ Full offer หรือติดเงื่อนไขภาษาอังกฤษก็ได้
- สมัครและเริ่มเรียนภายในปี 2017
และสำหรับใครที่ต้องเรียนภาษาอังกฤษก่อนเข้าเรียน หรือไปเรียนภาษาอังกฤษเฉยๆ SCU ก็มีแถมสัปดาห์เรียนฟรี ดังนี้
-สมัครเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษกับ Southern Cross University ตั้งแต่ 25 สัปดาห์ขึ้นไป จะได้รับทุนการศึกษาฟรี 5 สัปดาห์ (นักเรียนจ่ายเพียง 20 สัปดาห์ของหลักสูตร)
ดูข้อมูล Southern Cross University
Curtin University
เพิร์ท เป็นเมืองใหญ่ทางตะวันตกของออสเตรเลีย ถือเป็นเมืองทางเลือกใหม่สำหรับคนที่มาเรียนต่ออย่างแท้จริง เพราะด้วยบรรยากาศชิวๆ คนไม่เยอะมาก ซึ่ง Curtin University ก็เป็นอีกหนึ่งมหาวิทยาลัยชั้นแนวหน้าของโลก อยู่ที่เพิร์ทแห่งนี้ ที่นี่จะดังด้าน Business, IT, Engineering, Law, Science, Health ซึ่งหลายๆสาขาติด Top 100 ของโลกด้วย
ในส่วนของนักศึกษาไทยก็มาเรียนที่นี่พอสมควร เป็นทางเลือกที่ดีเยี่ยมเลย สำหรับใครที่แพลนไปเรียนต่อในเมืองที่แตกต่าง
Curtin University มีทุนซัพพอร์ทสำหรับคนสมัครเรียนปี 2017 ด้วยนะ
มอบทุนส่วนลดค่าเล่าเรียน 25% (สูงสุด 10,000 AUD) สำหรับนักศึกษาต่างชาติที่สมัครเรียน ปริญญาตรีและปริญญาโท เข้าเรียนที่ Perth Campus ในปีการศึกษา 2017 เท่านั้น
Swinburne University of Technology
มหาวิทยาลัยดังจากเมืองเมลเบิร์น เติบโตมาจากสถาบันสายอาชีพ จึงทำให้มีจุดเด่นในการเรียนแบบปฏิบัติ พร้อมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย และยังเป็นพันธมิตรที่ดีกับอุตสาหกรรม และภาครัฐบาลอีกด้วย นักศึกษาไทยหลายคนเลือกมาเรียนที่นี่พร้อมกับได้พัฒนาทักษะมากมาย
สอนหลากหลายหลักสูตรมากมายอาทิ Business, Engineering, Law, Health Science, Aviation, IT, Communication เป็นต้น
Swinburne มอบทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาต่างชาติประจำปี 2017 ดังต่อไปนี้
Swinburne International Excellence Scholarship – Pathways
ทุนการศึกษามูลค่าส่วนลดค่าเล่าเรียนตั้งแต่ $7,000 ถึง $9,000 สำหรับนักเรียนที่สนใจเรียนภาษาอังกฤษ pathway และเข้าเรียนต่อระดับปริญญาตรีที่ Swinburne ภายในปี 2017 ในหลักสูตรดังต่อไปนี้
Foundation Year + UniLink Diploma + Bachelor program
Foundation Year + Bachelor program
UniLink Diploma + Bachelor program
*โดยนักเรียนที่เรียนภาษาอังกฤษในเทอมใดก็ตาม แต่มีความประสงค์จะเรียนต่อหลักสูตรปริญญาตรีที่ Swinburne ก็มีสิทธิ์ได้รับทุนนี้เช่นกัน
Swinburne International Excellence Scholarship – Undergraduate
ทุนการศึกษามูลค่าส่วนลดค่าเล่าเรียนตั้งแต่ 10% ถึง 25% สำหรับนักเรียนที่สนใจเรียนต่อระดับปริญญาตรีที่ Swinburne ภายในปี 2017 โดยนักเรียนที่ถือ packaged offer หรือเรียนภาษาอังกฤษ + หลักสูตรปริญญาตรีมีสิทธิ์ได้รับทุนนี้เช่นกัน
Swinburne International Excellence Scholarship – Postgraduate
ทุนการศึกษามูลค่าส่วนลดค่าเล่าเรียนตั้งแต่ 10% ถึง 25% สำหรับนักเรียนที่สนใจเรียนต่อระดับปริญญาโทหลักสูตร 2 ปีที่ Swinburne ภายในปี 2017 ในหลักสูตรดังต่อไปนี้
-Business and Management
-Design
-Engineering
-Innovation
-Information and Communication Technologies
-Media and Communications
-Science
Swinburne International Excellence Scholarship - Professional Computing and Network Systems
ทุนการศึกษามูลค่า $2,500 สำหรับนักเรียนที่สนใจเรียนต่อระดับปริญญาโทด้าน ICT ในสาขาต่อไปนี้
- Master of Information Technology (Professional Computing)
- Master of Science (Network Systems)
เงื่อนไขผู้สมัคร
- นักเรียนจะต้องได้รับจดหมายตอบรับจากทางมหาวิทยาลัยในหลักสูตรข้างต้น
- นักเรียนจะต้องเริ่มเรียนภายในปี 2017
- นักเรียนจะต้องตอบรับทุนการศึกษาภายใน 4 สัปดาห์จากวันที่ได้รับจดหมายตอบรับจากมหาวิทยาลัย (ในกรณีที่เป็นจดหมายตอบรับแบบไม่ติดเงื่อนไข)
- นักเรียนที่ได้จดหมายตอบรับแบบติดเงื่อนไขจะต้องตอบรับทันทีที่ผ่านเงื่อนไขของมหาวิทยาลัย
ดูข้อมูล Swinburne University of Technology
สุดท้ายแล้ว ใครที่อยากรู้ทุกเรื่องเรียนต่อป.โทที่ออสเตรเลีย อย่าลืมแวะมางาน Australian Universities Application Days ในวันที่ 25-26 พฤษภาคมนี้ ที่ CP International สาขากรุงเทพและเชียงใหม่ เวลา 13.00-14.30 น. กันนะ
ลงทะเบียนร่วมงานฟรีที่ http://www.cpinter.co.th/event_detail.php?id=17
งานดีๆที่ CP Inter จะมาแนะนำเพื่อนๆทุกเรื่องเรียนต่อโท. ออสเตรเลีย อาทิเช่น
- วิธีเข้ามหาวิทยาลัยดัง
- อยากเรียนด้านนั้นด้านนี้ ที่ไหนดีมั่ง
- IELTS ไม่ถึงเกณฑ์ต้องทำไง
- รู้จัก Post-Study Work Visa ที่ได้สิทธิ์ทำงานต่ออีก 2 ปี หลังเรียนจบอีกนะ
แล้วพบกันนะครับ
สวัสดีจ้าเพื่อนๆ วันนี้ CP Inter อยากมาอัพเดทเพื่อนๆที่กำลังเลือกเรียนต่อมหาวิทยาลัยในต่างประเทศอยู่ เนื่องจากเทอมเดือน July ของออสเตรเลีย เปิดรับสมัครนักศึกษาต่างชาติแล้ว ก็เลยหาข้อมูลดีๆเกี่ยวกับการเรียนต่อปริญญาที่ออสเตรเลียกัน
ซึ่งที่ออสเตรเลียเนี่ย ขอเมาท์ว่าเรียนจบแล้วสามารถอยู่ทำงานต่อได้ มีโอกาสขอ PR หรือ Citizen ในอนาคตอีกด้วยนะ ละก็มีอีกหลากหลายเหตุผลมากมาย ที่เพื่อนๆควรลองเลือกไปเรียนดู มีอะไรบ้างตามมาเลย
คุณภาพการศึกษาอยู่อันดับ Top ของโลก
ถ้าพูดถึงเรื่องการศึกษาแล้ว ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีคุณภาพด้านการศึกษาดีที่สุดแห่งหนึ่งในโลก มีมหาวิทยาลัยมากมายติดอันดับโลก (มหาวิทยาลัย 7 แห่ง ติด Top 100 ของโลก) การเรียนการสอนของออสเตรเลียสอนให้มีความคิดสร้างสรรค์ แลกเปลี่ยนอย่างมีเหตุผล ผ่านระบบการศึกษาที่มีคุณภาพ ที่สำคัญจะได้ฝึกงานกับบริษัทชั้นนำระดับโลกจริงๆ จึงทำให้นักศึกษาจบมาได้รับการยอมรับระดับสากล
ที่ออสเตรเลียมีหลักสูตรให้เลือกเรียนกว่า 22,000 สาขา ซึ่งจะมีหลักสูตรที่ตอบโจทย์สำหรับนักศึกษาทุกคนแน่นอน และแต่ละมหาวิทยาลัยก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกทีครบถ้วนต่อการศึกษาและการใช้ชีวิต พร้อมฝ่ายดูแลนักศึกษาต่างชาติที่ให้บริการเป็นอย่างดี
เรียนจบแล้วเป็นที่ต้องการของตลาดโลก
ด้วยชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยจากออสเตรเลียเป็นที่ยอมรับกว้างขวาง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลากหลายบริษัทดังจึงต้องการนักศึกษาที่จบจากออสเตรเลีย ซึ่งวุฒิปริญญาจากออสเตรเลียเป็นที่ยอมรับระดับสากล
โดยออสเตรเลียติด Top 10 ประเทศที่มีระบบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก
เมืองน่าอยู่ คุณภาพชีวิตดีไปอีก
5 เมืองจากออสเตรเลียติดอันดับ Top 30 เมืองที่ดีที่สุดในโลกสำหรับนักศึกษา โดยมีทั้ง เมลเบิร์น ซิดนีย์ แคนเบอร์ร่า บริสเบน และแอดิเลด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมลเบิร์น เป็นเมืองที่สื่อหลายๆแห่งยกให้เป็นเมืองน่าอยู่อันดับ 1 ของโลกอีกด้วย
นอกจากนี้ออสเตรเลียยังติด Top 10 ของประเทศที่ปลอดภัยที่สุดในโลก ขณะที่ค่าครองชีพก็ถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย อาหารก็หลากหลาย อากาศก็ดี เหตุผลต่างๆเหล่านี้ทำให้ออสเตรเลียเป็นประเทศที่น่ามาเรียนที่สุดจริงๆนะ
ทำงาน Part-Time ระหว่างเรียนได้
หมดห่วงสำหรับคนที่ต้องการทำงานพิเศษ เพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เพราะกฏหมายออสเตรเลีย อนุญาติให้วีซ่านักเรียนทำงาน Part-Time ระหว่างเรียน ได้มากถึง 40 ชั่วโมง / 2สัปดาห์ และสามารถทำเต็มเวลาได้ในช่วงปิดเทอมอีกด้วย (ทำเต็มเวลาปิดเทอมได้ เฉพาะหลักสูตรปริญญาโท-เอก เท่านั้นนะ)
เมื่อเรียนจบแล้วอยู่ทำงานต่อได้อีก 2 ปี
เมื่อเรียนหลักสูตรปริญญา 2 ปีขึ้นไป จะสามารถขอ Post-Study Work Visa ที่จะสามารถทำงานอยู่ที่ออสเตรเลียได้อีก 2 ปี จะทำงานอะไรก็ได้ จะตรงสายไม่ตรงสายกับที่จบก็ได้เลย เต็มๆอีก 2ปี เป็นโอกาสที่เพื่อนๆจะได้เรียนรู้ประสบการณ์การทำงานที่ต่างประเทศอย่างเต็มที่ ซึ่งจุดนี้เป็นโอกาที่ดีมากๆ
มีโอกาสขอ PR หรือ Citizen ได้ในอนาคต
หากเพื่อนๆต้องการที่จะทำงานที่ออสเตรเลียระยะยาว ด้วยการถือ Skilled Visa ที่เป็นวีซ่าทำงานอย่างแท้จริง การเรียนจบระดับมหาวิทยาลัยในออสเตรเลียนั้นจะมีโอกาสทำให้เพื่อนๆขอ Skilled Visa ได้ ซึ่งอาจรวมถึงทำให้เพื่อนๆมีโอกาสจะที่เป็น PR หรือ Citizen ในอนาคตได้ นับว่าเป็นการเปิดโอกาสใหญ่ในชีวิตเลยนะ
มีมหาวิทยาลัยไหนแนะนำบ้าง
CP Inter จะลอง list มหาวิทยาลัยดีๆ บางส่วนมาให้เพื่อนๆได้ทำความรู้จักบ้างเล็กน้อยดีกว่า เผื่อจะได้ไปศึกษาเพิ่มเติม ว่าที่ไหนบ้างน่าจะเหมาะกับตัวเองที่สุด
หากเพื่อนๆอยากเรียนมหาวิทยาลัยในกลุ่ม Group of 8 ที่ดีที่สุดในออสเตรเลีย และติด Top 100 ของโลก ต้องเป็นที่ University of Sydney, Monash University และ University of Western of Australia ที่การันตีคุณภาพระดับโลก หรืออาจจะเป็นที่ UTS มหาวิทยาลัยอันดับ 9 ของออสเตรเลีย ที่มีคุณภาพไม่แพ้กัน
ถ้าสายบริหารละก็ Macquarie University ก็ชื่อดัง ได้รับการยอมรับว่าเป็นอันดับ 1 ด้าน MBA ของออสเตรเลีย ขณะที่สายวิศวะหรือเทคโนโลยีก็ต้องเป็น RMIT ที่นักศึกษาไทยหลายคนชื่นชอบ
แต่หากใครอยากไปเรียนมหาวิทยาลัยตามเมืองที่คนไทยไม่เยอะๆเช่น เมืองหลวงแคนเบอร์ร่า ต้อง University of Canberra หรือเมืองชิวๆสบายๆอย่างเพิร์ทที่ Curtin University ก็ดังด้านบริหารและไอที หรือ Edith Cowan University นั้นก็ยอดเยี่ยม อยู่ระดับท้อปของออสเตรเลียทั้งนั้น
ส่วนมหาวิทยาลัยกลางๆแต่เปี่ยมด้วยคุณภาพอย่าง ACU, CQU และ Southern Cross University ก็เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักศึกษาไทย เพราะมาตรฐานนั้นอยู่ในระดับสูงเช่นกัน
อ่านรายละเอียดมหาวิทยาลัยเพิ่มเติมตามลิงค์นี้ได้เลย: http://www.cpinter.co.th/study_abroad.php?country=Aust
อยากเรียนต่อมหาวิทยาลัยออสเตรเลีย ถาม CP Inter ได้เลย
หากเพื่อนๆสนใจที่อยากจะเรียนระดับปริญญาที่ออสเตรเลีย ไม่ว่าตรี โท หรือเอก สามารถเริ่มปรึกษากับ CP International ได้เลย เพื่อการวางแผนเลือกหลักสูตร และมหาวิทยาลัยที่ใช่สำหรับตัวเพื่อนๆเอง หากเพื่อนๆที่ IELTS ยังไม่ถึงเกณฑ์ก็สามารถยื่นสมัครเรียน แล้วไปเรียนภาษาที่มหาวิทยาลัยเพิ่มก่อนเปิดเรียนอีกเทอมได้ด้วยนะ
ซัมเมอร์มาถึงแล้วทุกคนนนน..หนึ่งในกิจกรรมที่หลายๆ คนต้องนึกถึงก็คงหนีไม่พ้น "เที่ยวทะเล" ไปดูน้ำสีฟ้าใส อาบแดด ฟังเสียงเกลียวคลื่น หรือเล่นกีฬาทางน้ำต่างๆ แต่สำหรับคนที่มีแพลนไปเรียนภาษาที่เมืองนอกอย่างประเทศ"ออสเตรเลีย" รับซัมเมอร์นี้แล้วอยากเรียนแบบใกล้ชิดทะเลติดชายหาดละก็ วันนี้ CP International เลยขอเสนอโรงเรียนภาษาชั้นนำที่ไม่ได้มีดีแค่โลเคชั่นอย่างเดียวแต่ยังการันตีด้วยคุณภาพการสอนระดับ world class ให้คุณได้เรียนอย่างสนุกสนานได้ความรู้แถมยังได้ใช้ชีวิตแบบชิคๆ แบบ beach lifestyle อีกด้วย
ถ้าอยากรู้ว่ามีสถาบันไหนบ้าง มารู้จักกันเลยดีกว่า
Bondi, Sydney | IH Sydney
หากพูดถึงหาดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในออสเตรเลียแล้ว คงมีหลายๆ คนคุ้นหูกับหาด Bondi Beach ชายหาดที่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนอย่างไม่ขาดสาย อยู่ห่างจากตัวเมืองซิดนีย์เพียง 7 กิโลเมตรเท่านั้น ในส่วนของสถาบัน IH Sydney เป็นสถาบันที่เปิดสอนมายาวนานกว่า 50 ปี แล้วไปเปิดวิทยาเขตใหม่ตั้งอยู่ในเขต Bondi Junction ซึ่งใกล้กับสถานีรถไฟแถวยังนั่งรถบัสไปที่ชายหาดได้ใน 10 นาที ด้านคุณภาพการสอนนั้นก็ถือว่าดีเยี่ยม คุณครูที่นี่ได้รับการรับรอง TESOL ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการสอนภาษาอังกฤษโดยตรง อีกทั้งยังเปิดสอนหลักสูตรที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น General English, EAP, Cambridge, IELTS Preparation, English for Teens หรือแม้แต่ Study Tours ก็มีนะ
อ่านข้อมูลสถาบัน คลิก http://www.cpinter.co.th/course_detail.php?course=43
Manly, Sydney | Navitas English
อีกหนึ่งชายหาดที่นิยมไม่แพ้กันของเมืองซิดนีย์คือ Manly beach การเดินทางก็สะดวกสบายด้วยเรือ Ferry ข้ามฝากจาก Circular Quay เพียง 30 นาที คุณก็จะได้สัมผัสกับชายหาดที่ทอดยาวใกล้มหาสมุทร ระหว่างทางก็มีร้านค้า ร้านอาหาร และคลับมากมายให้คุณเอ็นจอยแบบสุดเหวี่ยง
สถาบันภาษาเครือใหญ่ระดับโลกอย่าง Navitas English เพรียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและครู้ผู้สอนที่เฟรนด์ลี่ก็มีโลเคชั่นที่ใกล้ชิดชายหาดสุดๆ เพียง 1 นาที โดยเท้าคุณก็สามารถสนุกไปกับการว่ายน้ำ เล่นเซิร์ฟ หรือสนอกกิ้ง ซึ่ง Navitas ก็เปิดสอนหลักสูตร General English, EAP, Cambridge, IELTS Preparation และยังมี pathway เข้าวิทยาลัยชั้นนำมากมายเช่น TAFE NSW, William Angliss Institute เป็นต้น
อ่านข้อมูลสถาบัน คลิก http://www.cpinter.co.th/course_detail.php?course=37
Gold Coast | BROWNS English Language School
โยกกันมาที่ฝั่งรัฐควีนส์แลนด์กับเมืองที่ได้ชื่อว่าสวรรค์แห่งการพักผ่อนและการเล่นเซิร์ฟ "โกลด์โคสท์" ซึ่งเป็นเมืองของคนรักชายหาดอย่างแท้จริงและเป็นที่ยอดนิยมอันดับต้นของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาออสเตรเลียเลยก็ว่าได้ ทางด้วนสถาบันภาษา BROWNS English Language School ก็มีแคมปัสที่ Gold Coast ถึง 2 แคมปัสให้เลือกเรียนอีกด้วย
อ่านข้อมูลสถาบัน คลิก http://www.cpinter.co.th/course_detail.php?course=41
Surfers Paradise, Gold Coast | Embassy English
หาด Surfers Paradise หนึ่งในหาดที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองโกลด์โคสท์และเคยถูกจัดให้เป็นหาดที่ดีที่สุดในออสเตรเลียอีกด้วย หาดสวรรค์ของคนรักกีฬาเซิร์ฟแห่งนี้มีผู้คนมาเนืองแน่นไม่ขาดสาย เพราะมีทั้งร้านอาหาร ไนท์คลับต่างๆ มากมาย ในส่วนของสถาบัน Embassy English ก็ตั้งอยู่ใจกลางเมืองและย่านช้อปปิ้ง สะดวกสบายแก่การเดินทาง ในด้านหลักสูตรเปิดสอน General English และ IELTS Preparation
อ่านข้อมูลสถาบัน คลิก http://www.cpinter.co.th/course_detail.php?course=33
Whitsundays, Queensland | SACE
เรียนภาษาบนเกาะก็เก๋ไปอีกแบบนะ..ที่เกาะ Whitsundays มีหาดที่สวยงามมาก ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของรัฐควันส์แลนด์และใหล้กับแนวปะการังที่สยที่สุดในโลกอย่าง the Great Barrier Reef สภาพแวดล้อมเกาะเป็นป่าฝน เหมาะกับกิจกรรมปีนเขา และยังมีหาดทรายสีขาวนวลสะอาดที่น่าไปเป็นที่สุด ด้านสถาบันภาษาอย่าง SACE ที่เปิดการเรียนการสอนมายาวนานก็มีแคมปัสแนวบูติคที่สวยงาม สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันพร้อมหลักสูตรที่หลากหลาย + กิจกรรมที่ไม่เหมือนใคร เช่น English & Sailing, English & Diving, General English, IELTS Preparation, Cambridge Preparation และ TOEIC Preparation
อ่านข้อมูลสถาบัน คลิก http://www.cpinter.co.th/course_detail.php?course=104
Cairns, Queensland | Kaplan
ที่ Cairns เรียกได้ว่าเป็นประตูสู่แนวปะการังท่ใหญ่ที่สุดในโลก the Great Barrier Reef อีกทั้งเป็นเมืองท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ มี่ทั้งรีสอร์ท สปา บาร์ ร้านอาหารและชายหาดที่สวยงามมากมาย สถาบันภาษาชื่อดังระดับโลก Kaplan International English ก็มีวิทยาเขตสุดโมเดิร์นใจกลางเมืองพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอย่าง student lounge, gym, interactive whiteboards ด้านการเรียนก็เปิดสอนหลักสูตรเข้มข้นอย่าง Intensive English Course, Campridge และ IELTS Preparation
อ่านข้อมูลสถาบัน คลิก http://www.cpinter.co.th/course_detail.php?course=44
Summer Promotion | CP International
เป็นไงกันบ้าง.. เพื่อนๆ ชอบโลเคชั่นที่ไหนกัน ถ้าวางแผนไปเรียนภาษาช่วงซัมเมอร์นี้อยู่แล้ว CP International มีโปรโมชั่นเรียนภาษาสุด Hot!
+ รับ Cash Back 2,000 บาท (เมื่อสมัครเรียน 20 สัปดาห์ขึ้นไป)
+ ส่วนลดค่าเรียนสูงสุดถึง 30%
พิเศษ! รับของรางวัลมากมายจาก CP Inter เพียงแค่เข้ามาสอบถามข้อมูลที่ Office
สมัครด่วน! โปรดีๆ แบบนี้อย่ารอช้าถึงแค่ 30 เมษายน 2017 เท่านั้น!
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ CP International
- สาขากรุงเทพ อาคารพหลโยธินเพลส (ใกล้ BTS อารีย์)
โทร 02 278 1236, 090 880 9994
หรือ info@cpinter.co.th หรือ LINE: @cpinter
- สาขาเชียงใหม่ (ซอยตรงข้ามประตูคณะวิศวะ มช. อยู่ติดกับหลังมอเครื่องเขียน)
โทร 053 – 328234, 081 3598110 หรือ marketing.chm@cpinter.co.th หรือ LINE: cpchm
สำหรับเพื่อนๆที่มองหามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านบริหารธุรกิจอยู่ CP International ขอพาเพื่อนๆไปทำความรู้จักกับ Macquarie University มหาวิทยาลัย Top 10 ของออสเตรเลียที่ได้รับการยอมรับว่ามีหลักสูตรบริหารธุรกิจดีที่สุดแห่งหนึ่งในออสเตรเลีย และสาขาอื่นๆก็มีชื่อเสียงโด่งดังไม่แพ้กัน
นอกจากนี้ทางมหาวิทยาลัยยังมีทุนการศึกษาสูงถึง $20,000 ให้กับนักเรียนไทยอีกด้วย พูดแล้วก็ลองตามมาอ่านรายละเอียดด้านในดีกว่าว่าดียังไง
Macquarie University เป็น 1 ใน 10 มหาวิทยาลัยที่มีการเรียนการสอนดีที่สุดในออสเตรเลียจากการจัดอันดับโดย Shanghai Jiao Tong Academic Ranking of World Universities, 2016 แถม QS Rankings ยังจัดให้อยู่ในระดับ 5 ดาวด้านการสอน งานวิจัย ระดับการว่าจ้างงาน ความหลากหลายทางเชื้อชาติของนักเรียนและสิ่งอำนวยสะดวกชั้นเยี่ยม เรียกได้ว่ามาเรียนที่นี่คุณจะได้รับการเรียนการสอนระดับ world class แถมจบไปดีกรีก็ดีอีกด้วย
Macquarie University เป็น 1 ใน 10 มหาวิทยาลัยที่มีการเรียนการสอนดีที่สุดในออสเตรเลียจากการจัดอันดับโดย Shanghai Jiao Tong Academic Ranking of World Universities, 2016 แถม QS Rankings ยังจัดให้อยู่ในระดับ 5 ดาวด้านการสอน งานวิจัย ระดับการว่าจ้างงาน ความหลากหลายทางเชื้อชาติของนักเรียนและสิ่งอำนวยสะดวกชั้นเยี่ยม เรียกได้ว่ามาเรียนที่นี่คุณจะได้รับการเรียนการสอนระดับ world class แถมจบไปดีกรีก็ดีอีกด้วย
นอกเหนือจากด้าน Business แล้ว Macquarie University ก็มีอีกหลากหลายสาขาให้เลือกเรียนทั้ง Arts, Economics, Human Sciences, Medicine & Health Sciences และ Sciences & Engineering ซึ่งก็จะมีเมเจอร์อีกมากมายให้เลือกเรียนอีกที ซึ่งบอกได้เลยว่ามีดีกรีการสอนระดับโลก กว่า 10 สาขาวิชาติด Top 100 ของโลกโดยการจัดอันดับของ QS Rankings
รู้หรือไหมว่าที่ Macquarie University มีสิ่งต่างๆคอยอำนวยความสะดวกมากมายทั้ง หอสมุดขนาดใหญ่ หอพักนักเรียน พิภิธภันฑ์ ศูนย์กีฬานานาชนิด โรงพยาบาลหรือแม้แต่ห้างสรรพสินค้าก็ยังมี เรียกว่าครบครันเลยทีเดียว
ตัวมหาวิทยาลัยแห่งนี้อยู่ใจกลางย่านธุรกิจ Macquarie Innovation Park District ซึ่งเป็นศูนย์รวมบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีกว่า 300 บริษัทมารวมตัวกัน และห่างจากตัวเมืองซิดนีย์เพียง 15 กิโลเมตรเท่านั้น คุณจึงสามารถเดินทางไปเที่ยวตัวเมืองด้วยเวลาไม่นาน แต่สิ่งที่ดีสุดคือมีสถานีรถไฟภายในมหาวิทยาลัยอีกนะ ไปไหนมาไหนสะดวกมาก
Macquarie University ASEAN Scholarship ทุนสนับสนุนค่าเล่าเรียนสำหรับนักเรียนไทยมูลค่า $5000
โดยทางมหาวิทยาลัยจะมอบทุนมูลค่า $ 5,000 ต่อปีต่อค่าเล่าเรียนทั้งหมดของหลักสูตร ( โดยครอบคลุมค่าเล่าเรียน $ 2,500 ของแต่ละภาคการศึกษา) ทุนการศึกษานี้คลอบคลุมหลักสูตรทั้งในระดับปริญญาตรีและปริญญาโท ทั้งนี้ต้องเป็นหลักสูตร full time และเรียนในมหาวิทยาลัยเท่านั้น
*** นอกจากนี้ผู้สมัครยังมีสิทธิ์ได้รับทุน Vice-Chancellor's International Scholarship
โดยผู้สมัครจะได้รับทุนการศึกษาเพิ่มอีก $5,000 เมื่อเรียนจบหลักสูตรที่ Macquarie University
เงื่อนไข:
- ผู้สมัครจะต้องได้รับจดหมายรับรองจากทางมหาวิทยาลัยแบบไม่ติดเงื่อนไข
- มีเกรดเฉลี่ย 3.00 ขึ้นไป
- ลงเรียนหลักสูตร full-time ภายในปีการศึกษา 2017
ถ้าอยากได้ทุนนี้ห้ามพลาดงาน Macquarie University: Interview Session พบตัวแทนจาก Macquarie University จะมาให้เพื่อนๆได้สอบถามและสัมภาษณ์อย่างเต็มที่ในทุกๆเรื่องรวมถึงเรื่องทุนด้วยนะ อยากรู้ต้องมาเจอกันวันพุธที่ 22 มีนาคมนี้ เวลา 10.00-12.00 ที่ CP International ทั้งสาขากรุงเทพฯ และเชียงใหม่
ลงทะเบียนจองที่นั่งเลยที่ http://www.cpinter.co.th/event_detail.php?id=16
เพื่อนๆ คนไหนที่กำลังมองหาทุนต่อนอกกันอยู่ ตอนนี้ 8 มหาวิทยาลัยดังจากออสเตรเลียกำลังมีทุนดีๆที่ไม่ควรพลาดทั้งคนที่แพลนจะต่อปริญญาตรีและปริญญาโท
ซึ่งเทอมการศึกษาเดือนกรกฏาคมนี้เปิดรับสมัครแล้ว เรามาเช็คกันหน่อยสิว่า มหาวิทยาลัยเหล่านี้เค้ามีทุนอะไรมาให้บ้าง
The University of Sydney มหาวิทยาลัยแห่งแรกของออสเตรเลีย ที่อยู่ในกลุ่ม Group of 8 ที่ดีที่สุดในออสเตรเลีย มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก การันตี 8 สาขาวิชาติด Top 20 ของโลก
ทุนการศึกษา:
ทุนการศึกษาส่วนลดค่าเล่าเรียนจำนวน 1,000$ AUD ให้กับนักเรียนที่สมัครเรียนสาขาใดก็ได้ ทั้ง ปริญญาตรี โท และเอก (ยกเว้นหลักสูตร Business ทุกหลักสูตร) และเริ่มเรียนในเดือนกรกฎาคม 2017
Macquarie University มหาวิทยาลัย Top 10 ออสเตรเลีย ที่ขึ้นชื่อด้านสาขาบริหารธุรกิจ การันตีหลักสูตร MBA อันดับ 1 ในออสเตรเลีย
ทุนการศึกษา:
ASEAN Scholarship ทุนสนับสนุนค่าเล่าเรียนสำหรับนักเรียนไทย มูลค่า 5,000 AUD ต่อปีต่อค่าเล่าเรียนทั้งหมดของหลักสูตร (โดยครอบคลุมค่าเล่าเรียน 2,500 AUD ของแต่ละภาคการศึกษาทั้งในระดับปริญญาตรีและปริญญาโท ทั้งนี้ต้องเป็นหลักสูตร full time และเรียนในมหาวิทยาลัยเท่านั้น
หมายเหตุที่สำคัญ:
- นักเรียนที่เรียนอยู่ในหลักสูตรภาษาอังกฤษแบบ package มีสิทธิ์ได้รับทุนการศึกษานี้ หากเริ่มเรียนในปี 2017
- ผู้สมัครจะไม่ได้รับทุนนี้ ถ้าคุณได้รับทุนการศึกษาอื่นๆ ของมหาวิทยาลัย Macquarie สำหรับหลักสูตรการศึกษาครั้งนี้
***นอกจากนี้ผู้สมัครยังมีสิทธิ์ได้รับทุน Vice-Chancellor's International Scholarship โดยผู้สมัครจะได้รับทุนการศึกษาเพิ่มอีก $5,000 เมื่อเรียนจบหลักสูตรที่ Macquarie University โดยมีเงื่อนไข คือ จะต้องได้รับจดหมายรับรองจากทางมหาวิทยาลัยแบบไม่ติดเงื่อนไข / มีเกรดเฉลี่ย 3.00 ขึ้นไป / ลงเรียนหลักสูตร full-time ภายในปีการศึกษา 2017 นี้เท่านั้น
Western Sydney University มหาวิทยาลัยดังจากเมืองซิดนีย์ แม้จะเป็นมหาวิทยาลัยใหม่ (ก่อตั้ง ค.ส.1989) แต่ก็สร้างชื่อเสียงจนติด Top 100 ของมหาวิทยาลัยอายุน้อยกว่า 50 ปีที่ดีสุดในโลก
ทุนการศึกษา:
Western Sydney University เมืองซิดนี่ย์ มอบทุนการศึกษา ดังนี้
1. Vice-Chancellor's Academic Excellence Undergraduate Scholarships หลักสูตรปริญญาตรี
- ลดราคาค่าเรียน 50% สำหรับนักเรียนที่มีเกรดเฉลี่ย 3.4 ขึ้นไป
- ลดค่าเรียน 20 % ในปีแรก และ 25% ในปีที่สอง และ 35% ในปีที่สาม สำหรับนักเรียนที่เกรดเฉลี่ย 3.0 ขึ้นไป และสามารถคงระดับการเรียนดีไว้ได้อย่างสม่ำเสมอ (65%) จนจบหลักสูตร
2. Vice-Chancellor's Academic Excellence Undergraduate Scholarships หลักสูตรปริญญาโท
- ลดราคาค่าเรียน 50% สำหรับนักเรียนที่ เกรดเฉลี่ย 3.4 ขึ้นไป
- ลดราคาค่าเรียน 25 % ในปีแรก และ 35% ในปีที่สอง สำหรับนักเรียนที่เกรดเฉลี่ย 3.0 ขึ้นไป และ สามารถคงระดับการเรียนดีไว้อย่างสม่ำเสมอ (65%) จนจบหลักสูตร
3. International Academic Excellence Postgraduate Scholarships
ส่วนลดค่าเรียน $5000 ในปีแรก สำหรับหลักสูตรในระดับปริญญาโทดังต่อไปนี้
Accountancy, Business Administration, Convergent Media, Engineering, IT, Information Systems Management, Media and Communication, Arts, Teaching
The University of Western Australia มหาวิทยาลัยในกลุ่ม Group of 8 ที่ดีที่สุดในออสเตรเลียแห่งเมืองเพิร์ท และติดอันดับ Top 100 ของโลก นอกจากนี้ยังเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ด้านผลประโยชน์ต่างๆของนักศึกษาอาทิ ความต้องการที่จะเข้าเรียนของนักศึกษา เงินเดือนเริ่มต้นของผู้สำเร็จการศึกษา ความเข้มข้นของการวิจัยและเงินทุนสนับสนุนการวิจัย
ทุนการศึกษา:
The University of Western Australia มอบทุนการศึกษาระดับปริญญาโทให้กับนักศึกษาต่างชาติที่มีผลการเรียนดีเยี่ยมที่สมัครเข้าเรียนกับมหาวิทยาลัยภายในปี 2017 โดยมูลค่าทุนการศึกษาวัดจากผลการเรียนเฉลี่ย GPA ในระดับปริญญาตรี ดังนี้
-ทุนการศึกษามูลค่า $3,000 มอบให้แก่นักศึกษาที่มีผลการเรียนเฉลี่ย GPA 3.5
-ทุนการศึกษามูลค่า $5,000 มอบให้แก่นักศึกษาที่มีผลการเรียนเฉลี่ย GPA 3.7
-ทุนการศึกษามูลค่า $7,000 มอบให้แก่นักศึกษาที่มีผลการเรียนเฉลี่ย GPA 3.8
Curtin University มหาวิทยาลัยชื่อดังจากเมืองเพิร์ท โดดเด่นด้วยรูปแบบการเรียนการสอนที่มีคุณภาพพร้อมบรรยากาศการเรียนสบายๆ การันตีด้วยการมีหลากหลายสาขาติด Top 100 ของโลก
ทุนการศึกษา:
มอบทุนส่วนลดค่าเล่าเรียน 25% (สูงสุด 10,000 AUD) สำหรับนักศึกษาต่างชาติที่สมัครเรียน ปริญญาตรีและปริญญาโท เข้าเรียนที่ Perth Campus ในปีการศึกษา 2017 เท่านั้น
University of Canberra มหาวิทยาลัยจากเมืองหลวงแคนเบอร์ร่า มีแคมปัสที่หากใครได้ไปอาจต้องหลงรักเพราะเต็มไปด้วยบรรยากาศธรรมาชาติใกล้ถิ่นฐานของจิงโจ้และตัวเมือง ขณะที่มหาวิทยาลัยเองก็มีชื่อเสียงในหลากหลายสาขาที่ติดอันดับโลกจาก QS World Ranking
ทุนการศึกษา:
มอบทุนการศึกษามูลค่า $5,000 ให้กับนักเรียนไทยที่สมัครเรียนหลักสุตรปริญญาตรีหรือปริญญาโทกับมหาวิทยาลัย โดยทุนการศึกษาสามารถใช้ได้กับผู้ที่เริ่มเรียนใน 2017* ทุนการศึกษามูลค่า $ 5,000 จะถูกมอบให้ในปีแรกของการศึกษา
ผู้มีสิทธิ์ได้รับคัดเลือกทุน:
•เป็นนักเรียนที่มีสัญชาติไทยที่สมัครเรียนหลักสูตรปริญญาตรีหรือปริญญาโทกับ UC
•ผู้สมัครระดับปริญญาตรีจะต้องมีผลการเรียนรับรองของประเทศไทยระดับมัธยมศึกษาโดยเกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2.5
•ผู้สมัครระดับปริญญาโทต้องมีเกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 5 จาก 7 ในระดับปริญญาตรีหรือเฉลี่ยโดยรวม 70%
•ผู้สมัครทุกคนจะต้องมีผลสอบ IELTS ในระดับต่ำสุดที่ 5.5 (คะแนนรวมของการสอบแบบ Academic Test)
Australian Catholic University มหาวิทยาลัยชั้นนำที่มีหลากหลายแคมปัสทั้ง ซิดนีย์ เมลเบิร์น บริสเบน แคนเบอร์ร่า และบัลลารัต ก่อตั้งมานานกว่า 150 ปี โดดเด่นในการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นพัฒนาชุมชน และเป็นมหาวิทยาลัยที่เรียนจบแล้วมีอัตราการจ้างงานสูงสุด
ทุนการศึกษา:
1. ทุนการศึกษาส่วนลดค่าเล่าเรียน 50% ตลอดทั้งหลักสูตรการศึกษาถึง 20 ทุน สำหรับนักเรียนที่สนใจเรียนในระดับปริญญาตรี ปริญญาโทและปริญญาเอก
ผู้สมัครต้องมีคุณสมบัติดังนี้
- ไม่ได้เป็นพลเมืองหรือมีถิ่นที่อยู่ถาวรในประเทศออสเตรเลียหรือนิวซีแลนด์
- ได้รับจดหมายตอบรับจากทางมหาวิทยาลัยในระดับปริญญาตรีหรือปริญญาโทหรือปริญญาเอก (ไม่รวมหลักสูตร Pathway / หลักสูตรประกาศนียบัตร)
- เป็นนักศึกษาเต็มเวลาในวิทยาเขตที่กำหนดของ ACU
- ต้องไม่เคยได้รับทุนการศึกษาหรือเงินรางวัลจากที่อื่นมาก่อน
- ไม่เคยเข้าร่วมเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนหรือ Study Abroad กับทาง ACU
- แสดงหลักฐานของผลการเรียนรวมที่สำเร็จ โดยมีค่าเฉลี่ยของอย่างน้อย 80% ของผลการเรียนทั้งหมด ผลการเรียนระดับมัธยมศึกษาของผู้สมัคร (สำหรับนักศึกษาปริญญาตรี) หรือผลการเรียนระดับปริญญาตรี (สำหรับนักศึกษาปริญญาโท)
- สำเร็จการศึกษาภายในสองปีที่ผ่านมา
วันปิดรับสมัคร: ปิดรับสมัคร 30 เมษายน 2017 (เวลาซิดนีย์)
2. Australian Catholic University แคมปัส Brisbane, Melbourne และ North Sydney มอบทุนการศึกษา 1,000 AUD ในปีแรก สำหรับนักศึกษาต่างชาติ ที่สมัครเข้าเรียน สาขาใดก็ได้ใน Business School ของ ACU และเข้าเรียนในปี 2017 นี้เท่านั้น มหาวิทยาลัย จะดำเนินการสมัครทุนให้โดยอัตโนมัติจากการสมัครเรียนครั้งแรก (no formal application is required)
Federation University มหาวิทยาลัยจากเมืองบัลลารัต ในรัฐวิคตอเรีย เก่าแก่เป็นอันดับ 3 ของออสเตรเลีย มีชื่อเสียงด้านงานวิจัย พร้อมทั้งมีศูนย์ฝึกอบรมด้านเทคนิคต่างๆจึงทำให้นักศึกษาเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่
ทุนการศึกษา:
Federation University Australia เมือง Ballarat รัฐ Victoria มอบทุนการศึกษา เป็นส่วนลด 20% ของค่าเล่าเรียนในระดับปริญญาตรีขึ้นไป
โดยผู้สมัครต้องเข้าเรียนที่ Federation University Australia ในวิทยาเขต Ballarat หรือ Gippsland ต้องมีผลสอบ IELTS ขั้นต่ำ 5.5 แต่ละ band ไม่น้อยกว่า 5.5 และ มีผลการการเรียนที่ดีเยี่ยมพิจารณาโดยมหาวิทยาลัย
ฉลองครบ 20 ปีกับ CP International มอบทุนซัพพอร์ทอีก 10,000 บาท สำหรับเพื่อนๆที่สมัครเรียนระดับมหาวิทยาลัยในปี 2017 พร้อมทั้งฟรีค่าสมัครเรียนกว่า 3,500 บาทอีกด้วย ปรึกษาทุกเรื่องทุนและเรียนกับมหาวิทยาลัยชั้นนำจากออสเตรเลียกับพี่ๆ CP Inter ได้เลย ให้คำปรึกษาฟรีพร้อมวางแผนอย่างถูกต้อง
ชิคาโก (Chicago) หรือที่หลายๆ คนรู้จักกันในชื่อ “เมืองแห่งลม” เป็นยังเป็นหนึ่งในเมืองศูนย์กลางความเจริญแห่งหนึ่งของโลกอีกด้วย ทั้งนี้ชิคาโก้ก็มีความพิเศษทางด้านเศรษฐกิจ สังคม ศิลปะและวัฒนธรรมต่างๆ มากมายแถมยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆ เยอะแยะให้คนรักการเซลฟี่ได้ไปตามเก็บกันสนุกเลย
ใครที่วางแผนไปเรียนภาษาที่ชิคาโกละก็... ลองมาดู 10 สถานที่ที่น่าไปแชะรูปเก็บไว้เมื่อมาถึงที่ชิคาโกกัน
1. Cloud Gate (the Bean)
คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี เรียกได้ว่าใครที่มาชิคาโกแล้วไม่ได้มาถ่ายรูปกับรูปปั้นรูปทรงคล้ายถั่วนี้ถือว่ามาไม่ถึงชิคาโก! โดยรูปปั้นรูปถั่วเงากระจกนี้ตั้งอยู่ที่ Millennium Park ซึ่งคุณยังจะได้เห็นเมืองชิคาโกแบบกว้างขวางอีกด้วย
2. Adler Planetarium
จุดชมวิวแบบ skyline นี้ตั้งอยู่ระหว่างทางไป Shedd Aquarium และ Adler Planetarium คุณจะได้ชมเมืองชิคาโกแบบพาโนรามาพร้อมกับแสงกลิตเตอร์ฟรุ้งฟริ้งจากทะเลสาบ Lake Michigan อีกด้วย
3. The Chicago Theatre
โรงละครสุดคลาสสิคของเมืองชิคาโกอย่าง The Chicago Theatre เป็นอีกหนึ่งที่ยอดฮิตที่มีประวัติศาสตร์ที่เปิดมายาวนานตั้งแต่ปีค.ศ.1921 ลองออกมาถ่ายเซลฟี่ตอนกลางคืนตรงนี้ดู แสงสีได้มากหรือคุณอยากลองไปสัมผัสประสบการณ์การแสดงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น comedy show หรือการแสดงดนตรีจากนักร้องอินดี้ ก็สามารถเข้าไปตีตั๋วเยี่ยมชมกันได้ตามอัธยาศัยเลย
4. Picasso sculpture
รูปปั้นยักษ์รูปทรงแปลกตานี้เป็นผลงานของ Pablo Picasso ซึ่งเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นเอกของงานแสดงศิลป์ประจำย่าน downtown ของเมืองชิคาโกแห่งนี้เลยก็ว่าได้ โดยรูปปั้นนี้ปัจจุบันตั้งอยู่ที่ห้าง Daley Plaza
5. Buckingham Fountain
มาถ่ายเซลฟี่กับ 1 ในน้ำพุที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกกันเถอะ! โดย Buckingham Fountain ตั้งอยู่ที่สวนสาธารณะ Grant Park โดยจะมีการแสดงโชว์น้ำพุทุกๆ ชั่วโมง ตั้งแต่ 8 โมงเช้าจนถึง 4 ทุ่มกันเลยทีเดียว โดยมีตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเมษายนจนถึงกลางเดือนตุลาคม
6. Sue at The Field Museum
หากได้แวะเวียนมาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ The Field Museum ต้องห้ามพลาดที่จะเซลฟีกับเจ้า Sue (ซู) โครงกระดูกไดโนเสาร์ที่ใหญ่ที่สุดของสายพันธุ์ Tyrannosaurus rex ที่เคยค้นพบมา
7. Lincoln Park Zoo
ไปเที่ยวชมสวนสัตว์ Lincoln Park Zoo ได้แบบฟรีไม่เสียเงิน ในขณะที่คุณอยู่ที่นั่นลองเดินเล่นชมสวนที่ the Nature Boardwalk ซึ่งเป็นจุดชมนกและสัตว์ป่ามากมาย อีกหนึ่งจุดคือ Lester E. Fisher Bridge (หรือที่รู้จักกันในชื่อ Nature Bridge) คุณยังจะเห็นมุม skyline สวยๆ ของเมืองชิคาโกซึ่งเหมาะเป็น background ที่จะถ่ายเซลฟี่ไปอวดเพื่อนเป็นที่สุด
8. Lion Statues at Art Institute of Chicago
แอ็คท่าโพสกับรูปปั้น 2 สิงโตประจำเมืองชิคาโกในย่าน Michigan Avenue ซึ่งตั้งอยู่หน้าทางเข้า the Art Institute of Chicago โดยรูปปั้นสองสิงโตนี้เป็นผลงานของ Edward Kemeys ซึ่งอยู่คู่เมืองชิคาโกมายาวนานตั้งแต่ปีค.ศ.1893
9. Skydeck Chicago
อยากหามุมว้าวๆ ไปอวดเพื่อน ขอแนะนำที่นี่เลย The Ledge สถานที่ชมวิวแบบ 360 องศาแบบตระการตา โดยให้คุณไปยืนเซลฟี่ในกล่องกระจกใสที่ยื่นออกมาบนความสูงกว่า 1,353 ฟุต เรียกได้ว่าเป็นวิวที่สุดอลังที่แลกมาด้วยความท้าทายของคนกลัวความสูงก็ว่าได้
10. Cow outside the Chicago Cultural Center
มาถ่ายรูปกับเจ้าวัวสีบรอนซ์ที่ตั้งอยู่ด้านนอกทางเข้าของ Chicago Cultural Center ซึ่งเป็นตัวแทนของเมืองชิคาโกที่แสดงถึงการสนับสนุนงานศิลปะในสถานที่สาธารณะของเมือง
สำหรับน้องๆ คนไหนที่สนใจเรียนต่อด้าน Tourism and Hotel Management อยู่ละก็.. วันนี้ CP International จะพาไปส่องวิทยาลัยด้านการโรงแรมชื่อดังของออสเตรเลีย The Hotel School Sydney | Melbourne ว่าแคมปัสและบรรยากาศการเรียนเป็นยังไงบ้าง ขอบอกเลยว่าน่าเรียนสุดๆ จนต้องร้อง"ว้าว" เลยทีเดียว
The Hotel School Sydney
เป็นสถาบันสอนด้านการโรงแรมที่เปิดมายาวนานกว่า 27 ปี เป็นพันธมิตรกับโรงแรมชื่อดังมากมาย เปิดสอนหลักสูตรด้านการโรงแรมโดยตรงไม่ว่าจะเป็นประกาศณียบัตร อนุปริญญา ปริญญาตรีและปริญญาโท ดังนี้
- BACHELOR OF BUSINESS IN HOTEL MANAGEMENT
- MASTER OF INTERNATIONAL TOURISM AND HOTEL MANAGEMENT
- GRADUATE CERTIFICATE IN INTERNATIONAL TOURISM AND HOTEL MANAGEMENT
- GRADUATE DIPLOMA IN INTERNATIONAL TOURISM AND HOTEL MANAGEMENT
ซึ่งในหลักสูตรระดับปริญญานักเรียนจะได้รับการฝึกงานกับโรงแรมชั้นนำระดับโลกมากมายทั้งในและนอกออสเตรเลียเพื่อให้นักเรียนได้รัการฝึกฝนจากประสบการณ์จริงและทักษะด้านการจัดการต่างๆ มากมาย
ในสว่นของวิทยาเขตที่ซิดนีย์จะมีความหรูหราแบบร่วมสมัย มีการตกแต่งที่คล้ายกับโรงแรมระดับ 5 ดาวเลยทีเดียว สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เรียกว่าได้เรียนการโรงแรมในบรรยากาศโรงแรมจริงๆ
The Hotel School Melbourne
ในส่วนของวิทยาเขตเมลเบิร์นนั้นตั้งอยู่ที่ Lonsdale Street ในย่านธุรกิจใจกลางเมืองเมลเบิร์น เปิดสอนหลักสูตรด้านการโรงแรมเช่นเดียวกับที่ซิดนีย์ วิทยาเขตมีความใหม่ ปลอดโปร่งและทันสมัยมาก ใครชอบที่คลาสเรียนแบบโมเดิร์นหน่อย ขอแนะนำที่เมลเบิร์น แคมปัสเลย สดใส น่าเรียนสุดๆ
เป็นไงกันบ้างทุกคน..น่าเรียนใช่ไหมละ บอกเลยว่าที่นี่คุณจะได้เรียนทั้งทฤษฎีและปฏิบัติแถมยังได้ฝึกงานตรงกับโรงแรมชั้นนำระดับโลกีอกด้วย ถ้าอยากรู้รายละเอียดมากกว่านี้ติดต่อ CP International เลย
สำหรับเพื่อนๆคนไหนที่กำลังมองหาที่เรียนในออสเตรเลีย โดยเฉพาะสายบริหารธุรกิจ การโรงแรม หรือการจัดการ วันนี้ CP International จะพาเพื่อนๆมารู้จักกับ ICMS สถาบันชื่อดังด้านการจัดการที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองซิดนีย์ เปิดสอนหลากหลายสาขาในสายบริหารธุรกิจ และข่าวดีสุดๆคือ ICMS มีทุนการศึกษาให้อีกด้วย มาดูกันสิ้ว่าจะตรงใจเพื่อนๆกันหรือเปล่า
หนึ่งใน Business School ที่ดีที่สุดในออสเตรเลีย
ICMS หรือชื่อเต็ม International College of Management, Sydney ก่อตั้งในปี 1997 แม้จะเป็นสถาบันใหม่ที่ก่อตั้งไม่นาน แต่ด้วยคุณภาพของการเรียนการสอนจึงสร้างบัณฑิตคุณภาพออกมาทุกรุ่น ปัจจุบัน ICMS ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งใน Business School ที่ดีที่สุดในออสเตรเลีย โดยจุดเด่นของสถาบันแห่งนี้อยู่ที่การเรียนการสอนที่ควบคู่ไปกับการทำงานจริง ฝึกงานจริงกับบริษัทชั้นนำ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักศึกษาที่จบจาก ICMS จะเต็มไปด้วยประสบการณ์และทักษะที่ยอดเยี่ยม
ที่ตั้งสถาบันอยู่ในจุดที่สวยที่สุดใน Sydney
อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ใครต่อใครอยากมาเรียนที่ ICMS เพราะสถาบันแห่งนี้มีแคมปัสอยู่ริมหาดชานเมือง Manly ซึ่งถ้ามองจากบนตึกของสถาบันจะเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยสดงดงามทั้งทะเลและตัวเมืองชัดๆแบบพาโนรามา
สถาบัน ICMS อยู่ห่างจากย่านธุรกิจของ Sydney (Sydney CBD) เพียง 17 นาที เมื่อเดินทางด้วยเรือเร็ว (Ferry) เมื่อถึงใจกลางเมืองแล้วจะเต็มไปด้วยแหล่งช้อปปิ้งชั้นนำ พิพิธภัณฑ์ชื่อดัง และที่ขาดไม่ได้เลยคือที่ Sydney Opera House สถานที่ชื่อที่เปรียบดั่งสัญลักษณ์ของเมือง Sydney ซึ่งถ้ามาเรียนที่ ICMS บอกเลยว่าได้ฟินกับการท่องเที่ยวไปพร้อมๆกับการเรียนแน่นอน
หลักสูตรด้านบริหารให้เลือกเรียนมากมาย
ขึ้นชื่อว่าเป็นสถาบันแห่งการบริหาร การจัดการ ICMS เลยมีให้เพื่อนๆได้เลือกเรียนหลายอย่างดังนี้
ปริญญาตรี
ปริญญาโท
เรียกว่ามีสาขาในด้านบริหารให้เลือกเรียนกันเยอะเลย ชอบแบบไหนถามได้นะ
นักศึกษาทุกคนจะได้ฝึกงานกับบริษัทชั้นนำของออสเตรเลีย
ICMS เป็นพันธมิตรกับบริษัทชั้นนำในออสเตรเลียหลากหลายแห่ง ซึ่งนักศึกษาทุกคนจะได้ฝึกงานกับบริษัทเหล่านี้อย่างแน่นอนกว่า 600 ชั่วโมง สิ่งนี้คือความแตกต่างของ ICMS ที่ให้ความสำคัญกับการทำงานจริง ภายใต้อุตสาหกรรมจริง ผู้สอนและหัวหน้าจากบริษัทที่นักศึกษาฝึกงานจะเป็นผู้ดูแล Project ของนักศึกษา ซึ่งจุดนี้เองจะเป็นการพัฒนานักศึกษาให้เรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ แน่นอนว่าจบการศึกษาจาก ICMS เป็นอีกเครื่องการันตีในการรับเข้าทำงานกับบริษัทชั้นนำ
บรรยากาศการเรียนที่ยอดเยี่ยม
นักศึกษาทุกคนจะได้พบปะกับเพื่อนๆกว่า 40 ประเทศทั่วโลก เป็นโอกาสดีที่จะได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมดีๆกับเพื่อนใหม่ๆจากทัวทุกมุมโลก นอกจากนี้ในคลาสเรียนของ ICMS จะเล็กๆทำให้เรียนรู้ได้ทั่วถึง นอกจากนี้ยังได้เรียนกับนักวิชาการระดับท็อปของออสเตรเลียในแต่ละสาขาจะมาบรรยายความรู้ดีๆกันถึงในห้องเรียนเลย
ICMS มีทุนการศึกษาให้นักเรียนต่างชาติด้วยนะ
สำหรับเพื่อนๆที่สนใจจะเรียนต่อระดับปริญญาด้าน Management, Hospitality, Event Management, Tourism, Property หรือ Sports Management ที่ ICMS มีทุนการศึกษากว่า $25,000 AUD ให้ด้วย ถ้าอยากรู้ว่าทำยังไงถึงจะได้มา มาสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ CP International เลย
อยากเรียนที่ ICMS ต้องทำยังไง
โอกาสดีมาถึงเพื่อนๆแล้ว เพราะตัวแทนจาก ICMS จะเข้ามาให้คำแนะนำทุกๆเรื่องเรียน ฝึกงานที่ออสเตรเลีย และโอกาสรับทุนการศึกษาจาก ICMS ในงานสัมมนา ‘’สัมมนาเรียนต่อการโรงแรมและการจัดการพร้อมฝึกงานกับริษัทชั้นนำของออสเตรเลีย โดย ICMS’’ วันเสาร์ที่ 11 มีนาคม 2560 ณ CP International Office ชั้น 9 อาคารพหลโยธินเพลส (ใกล้ BTS อารีย์) ลงทะเบียนเลยที่ http://www.cpinter.co.th/event_detail.php?id=15
วัยรุ่น! ช่วงนี้ก็ใกล้ปิดเทอมใหญ่แล้วหรือบางคนก็กำลังจะเรียนจบกันแล้ว หยุดยาวกันแบบนี้มาลองเติมแรงบันดาลใจใหม่ๆที่ออสเตรเลียกันไหมล่ะ ไปเรียนภาษาระยะสั้นพร้อมท่องโลกให้สนุก หรือใครจบแล้วก็ไประยะยาวพร้อมทำงานไปด้วยก็ได้ แต่อยากรู้โปรแกรมนี้เป็นยังไง สถาบันหรือมหา’ลัยไหน เหมาะกับเรา เดี๋ยว CP Inter จะมาบรีฟข้อมูลเบื้องต้นให้ ตามมาเลย..
โปรแกรมนี้เป็นยังไง
- โปรแกรมเรียนภาษาที่ออสเตรเลีย นักเรียนใหม่จะเข้าเรียนได้ทุกวันจันทร์
- การเรียนจะเป็นไปตามระดับความสามารถของนักเรียนแต่ละคน เพราะจะมีการทดสอบระดับก่อนเรียน ซึ่งมั่นใจได้เลยว่าเราจะได้อยู่ห้องเรียนที่เหมาะสมกับเรา
- จะได้ฝึกทักษะ ฟัง พูด อ่าน เขียน แบบครบถ้วน โดยครูผู้สอนเจ้าของภาษาที่มากด้วยประสบการณ์
- พบเจอกับเพื่อนใหม่จากทั่วโลก เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เวียดนาม อเมริกาใต้ ยุโรป (ที่ไม่ใช่อังกฤษ) และอีกมากมายเลยแหละ
- เรียนจบแล้วได้ใบประกาศษณียบัตรกันทุกคนเลย
ระยะเวลาการเรียน
- หลักสูตรระยะสั้นเริ่มตั้งแต่ 5-10 สัปดาห์ จึงเหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษาช่วง ปิดเทอมเป็นอย่างดีเลย
- หลักสูตรระยะยาวเริ่มตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไปจนถึง 1 ปี (ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป จะสามารถทำงานพิเศษไปด้วยได้ 40 ชั่วโมง / 2 อาทิตย์นะ)
**จะเรียนกี่สัปดาห์ก็ได้ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของเพื่อนๆเอง เลือกได้เลย
เชื่อว่าเพื่อนๆน่าจะมีเมืองในใจแล้วว่าอยากไปเมืองไหนดีเพราะไลฟ์สไตล์แต่ละคนก็คงไม่เหมือนกัน แต่อีกเรื่องสำคัญที่หลายๆคนคงสงสัยว่าเรียนภาษาที่สถาบันภาษา , วิทยาลัยรัฐบาล (TAFE) หรือศูนย์สอนภาษามหาวิทยาลัยดี มาดูความแตกต่างของสถาบัน 3 แบบนี้กันดีกว่า ว่าแบบไหนที่ใช่เรา
สถาบันภาษา
คุณภาพการสอนระดับสากล ค่าเล่าเรียนค่อนข้างหลากหลาย มีทั้งราคาที่ไม่แพงมากไปถึงค่อนข้างสูง สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน หลายๆสถาบันเมื่อเรียนจบแล้วสามารถต่อมหาวิทยาลัยได้
วิทยาลัยรัฐบาล (TAFE)
เนื่องจากเป็นวิทยาลัยของรัฐบาล จึงมุ่นเน้นด้านคุณภาพการสอน และจะได้พบปะกับกับนักศึกษาหลากหลายเชื้อชาติจากทั่วโลก เมื่อจบแล้วสามารถเข้าหลักสูตรที่สูงขึ้นได้ เช่น Diploma หรือปริญญา
ศูนย์สอนภาษาของมหาวิทยาลัย
คุณภาพการเรียนการสอนดีมากในแบบฉบับของมหาวิทยาลัย ค่าเล่าเรียนค่อนข้างสูงแต่มหาวิทยาลัยหลายๆแห่งก็มีทุนสนับสนุนนักศึกษาไทยอยู่ สามารถใช้สิ่งอำนวยความสะดวกในมหาวิทยาลัยได้เต็มที่ เรียนจบหลักสูตรแล้วสามารถต่อระดับปริญญาได้ทันที
การเลือกที่เรียนเป็นสิ่งสำคัญ การได้เรียนที่สถาบันดีๆ สภาพแวดล้อมที่ดีจะช่วยให้เพื่อนๆพัฒนาภาษาอย่างไม่หยุดยั้ง
CP Inter เลยขอแนะนำสถาบันภาษาที่น่าเรียนให้เพื่อนๆได้ลองทำความรู้จักกัน ผ่านลิงค์นี้เลยจะได้เห็นภาพ เห็นรายละเอียดที่ครบถ้วนชัดเจน http://www.cpinter.co.th/study_abroad.php?country=Aust
ถ้านึกภาพไม่ออกว่าไปเรียนแล้วจะได้เรียนอะไรบ้าง ดูตัวอย่างตารางเรียนได้ตามภาพเลยจ้า
พิเศษสุดๆ! กับการฉลอง 20 ปีของ CP International ร่วมกับสถาบันชั้นนำในออสเตรเลีย เพื่อนๆที่สมัครเรียนภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ (แต่เริ่มเรียนเดือนไหนก็ได้)
-ฟรีค่าสมัครเรียนกว่า 6,600 บาท
-โปรโมชั่นส่วนลดพิเศษจากสถาบันชั้นนำในออสเตรเลีย
-สมัครเป็นคู่รับ Cash Back คืน 6,600 บาท (เมื่อลงเรียนมากกว่า 10 สัปดาห์ขึ้นไป/ไม่ต้องเรียนที่เดียวกันก็ได้)
เริ่มปรึกษากับพี่ๆ CP International ได้เลยจ้า
Southern Cross University มหาวิทยาลัยชั้นนำด้านบริหารธุรกิจและการโรงแรมของออสเตรเลีย นอกจากนี้ยังเป็นมหาวิทยาลัยที่ทันสมัย วิทยาเขตสวยงามตั้งอยู่ใกล้ชายหาดเมืองโกลด์โคสท์ด้วยนะ ไปดูกันว่าน่าเรียนขนาดไหน..
Southern Cross University เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐบาลออสเตรเลีย มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากด้านบริหารธุรกิจ และการโรงแรม ก่อตั้งขึ้นปีในปี ค.ส. 1994 ซึ่งดูเป็นระยะเวลาไม่นานแต่ทางมหาวิทยาลัยก็ยังสร้างชื่อจนติด Top 100 ของโลก สาขามหาวิทยาลัยที่อายุน้อยกว่า 50 ปีที่ดีที่สุด ทั้งยังได้รับการยอมรับให้เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำในออสเตรเลีย จุดเด่นที่สำคัญของมหาวิทยาลัยแห่งนี้อยู่ที่ความทันสมัย และความสวยงามของวิทยาเขต มีความสดชื่น ตื่นตา ไปกับแสงแดดและธรรมชาติรอบตัว
Southern Cross University มีทั้งสิ้น 5 วิทยาเขต ได้แก่ Lismore, Gold Coast, Coffs Harbour และมี Hotel School โดยเฉพาะที่ Sydney และ Melbourne
รางวัลและการติดอันดับโลกเป็นอีกหนึ่งเครื่องการันตีคุณภาพของมหาวิทยาลัยชั้นนำ โดย Southern Cross University ก็ติดอันดับในหลากหลายสาขาเช่นกัน เช่น
- Top 100 ของโลก สาขามหาวิทยาลัยที่อายุน้อยกว่า 50 ปีที่ดีที่สุด จาก Times Higher Education
-ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม well above world standard ในงานวิจัย 24 สาขา จาก Excellence in Research for Australia
-อันดับ 1 ด้าน For International student support in Australia จาก International Student Barometer
-อันดับ 2 ด้าน for overall learning support จาก International Student Barometer
-ได้รางวัลด้านสภาพแวดล้อมมหาวิทยาลัยยอดเยี่ยมในสาขา Inspiring study locations และ Ideal lifestyle in a safe and friendly environment จาก International Student Barometer
Southern Cross University เป็นพันธมิตรกับบริษัทและโรงแรมชั้นนำทั่วออสเตรเลีย นักศึกษาทุกคนจะได้ฝึกงานกับบริษัทชื่อดังและโรงแรม 5 ดาว อย่างแน่นอน สิ่งนี้เองจะทำให้นักศึกษาสามารถเรียนรู้ได้อย่างมืออาชีพและการต่อยอดได้ทำที่ออสเตรเลียต่อของนักศึกษาต่างชาติ นอกจากนี้หลักสูตรการเรียนของ Southern Cross University ได้มีการปรึกษาร่วมกับภาคอุตสาหกรรม ภาคธุรกิจอยู่โดยตลอด ดังนั้นนักศึกษาจะได้ความรู้อย่างเต็มที่ก่อนออกไปทำงานจริง
สำหรับคนที่ต้องการเรียนสายการท่องเที่ยว การโรงแรม แบบเน้นๆ ต้องมาเรียนที่นี่เลย The Hotel School สถาบันด้านการท่องเที่ยว การโรงแรม ที่ได้รับการยอมรับระดับโลก สถาบันแห่งนี้อยู่ภายใต้ Southern Cross University เปิดสอนตั้งแต่ Diploma, ปริญญาตรีและโท พร้อมได้ฝึกงานกับโรงแรม 5 ดาวในออสเตรเลียด้วย
โดย The Hotel School จะมีอยู่ 2 วิทยาเขตคือ Sydney และ Melbourne 2 เมืองที่เต็มไปด้วยความคึกคักและทันสมัย เหมาะกับการฝึกงานการท่องเที่ยว และการโรงแรมที่สุด
เป็นหลักสูตรเตรียมความพร้อมก่อนเรียนปริญญาโท ซึ่งโดยปกติแล้วหลักสูตรนี้จะเรียนเพียง 9 เดือน – 1 ปี แต่ที่ Southern Cross University สอนหลักสูตรนี้แบบจัดเต็มด้วยระยะเวลาเพียง 4 เดือนเท่านั้น โดยเน้นไปที่การเรียนภาษาอังกฤษ การบริหารองค์กร และการตลาด เมื่อจบแล้วสามารถเรียนต่อปริญญาโทที่ออสเตรเลียในสาขาบริหารธุรกิจ การท่องเที่ยว และบัญชีได้เลย
Southern Cross University กำลังมีทุนการศึกษาดีๆโดยเฉพาะหลักสูตรปริญญากว่า $2,000 AUD และทุนเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษฟรี 5 สัปดาห์ ทุนดีๆแบบนี้ถ้าอยากได้ต้องมาสอบถามหรือสมัครเรียนกับทาง CP Inter เท่านั้น
การที่น้องๆ ได้ไปใช้ชีวิตในต่างประเทศมาแล้วนั้น ทั้งการเรียน ความมั่นใจ ความกล้าแสดงออก และเรื่องของภาษา ก็คงจะถูกพัฒนาเพิ่มมากขึ้นเป็นอย่างมาก และเมื่อน้องๆ เรียนจบหลายคนก็คงเริ่มหางานกันแล้ว วันนี้เลยอยากขอแนะนำการทำ “Video Resume” อย่างเท่ มาให้ดูกันว่าต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง บอกเลยว่าไม่ยากอย่างที่คิด
ก่อนอื่น อย่าลืมหากล้องวีดิโอ หรือกล้องถ่ายรูปที่ถ่ายวีดิโอคุณภาพดีไว้สักตัว ภาพที่ถ่ายออกมาจะได้คมชัด ต่อมาก็คือ สไตล์การถ่าย และการตัดต่อจะเป็น Music Video, Stop Motion หรือจะเป็น Video Presentations ก็ได้ ยิ่งใครมีฝีมือการตัดต่อเจ๋งๆ ก็ใส่ความ Create กันได้ตามสบายเลย
สำหรับเนื้อหาที่ขาดไม่ได้เลยใน VDO Resume ที่ต้องมีก็คือ...
“แนะนำตัวเอง” เป็นการบอกให้รู้ว่าเราคือใคร ชื่อ-นามสกุล และอายุ
“การศึกษาปัจจุบัน” บอกให้บริษัทรู้ว่าเราเรียนอะไรมา และเรียนมาจากสถาบันไหน
“ทักษะและความสามารถ” พูดถึงความถนัดที่ตัวเองมี บริษัทจะได้รู้ว่าเรามีทักษะอื่นๆ เกี่ยวกับสายงานที่จะฝึกงานรึเปล่า
“กิจกรรมอื่นๆ ที่ทำสมัยเรียน” เราสามารถเล่าให้ฟังไปเลยได้ว่า เราทำอะไรมาบ้างนอกเหนือจากการเรียน เช่น เคยทำค่ายอาสา เคยร่วมกิจกรรมเชียร์ แข่งกีฬามหาวิทยาลัย ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จะเป็นการบอกได้ว่า เราทำงานได้หลากหลายและทำร่วมกับคนอื่นได้สบาย
“ตำแหน่งฝึกงานที่ต้องการสมัคร” ห้ามลืมเด็ดขาด เพราะบริษัทจะเห็นถึงความตั้งใจในการมาฝึกงานตำแหน่งนั้นจริงๆ
นอกจากนี้การเตรียมความพร้อมของการทำ “VDO Resume” ควรคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ด้วย
1. ความเป็นมืออาชีพ
เริ่มจากการแต่งกายที่สุภาพ เรียบร้อย อย่างน้อยๆ ก็ไม่ควรใส่เสื้อผ้าที่ล่อแหลม เสื้อยืดกางเกงยีนส์ หรือกระโปรงที่สั้นเกินไป เป็นต้น ไม่ควรใช้คำพูดไม่เป็นทางการหรือภาษาพูดมากเกินไป และไม่ใช้คำหยาบด้วย อีกอย่างคือ ฉากหลังควรมีสีสันที่สบายตา ไม่ฉูดฉาด และไม่มีของวางรกรุงรัง
2. สคริปต์ต้องพร้อม
เราไม่ควรพูดโดยที่ไม่เตรียมหัวข้อไว้ก่อน ไม่ใช่ว่านึกอะไรได้ก็พูด และไม่พูดเหมือนกำลังอ่าน หรือท่องบทอยู่ ควรพูดเป็นธรรมชาติ และเป็นตัวของเองที่สุด จะทำให้ไม่น่าเบื่อ ที่สำคัญเลยคือ ควรแสดงออก และพูดให้บริษัทเห็นถึงเป้าหมาย ทักษะ ความสำเร็จในการทำงาน และทำไมบริษัทควรเลือกเรา
3. ต้องรู้ว่าใครเป็นคนฟัง
อย่าลืม!! นึกถึงบริษัทที่เราจะสมัครฝึกงานด้วย ควรทำสคริปต์ และหาโลเคชั่นที่ใช้ถ่ายทำ ให้สอดคล้องเป็นแนวเดียวกัน และปรับเปลี่ยนให้ดูกลมกลืนกับบริษัทที่สมัครฝึกงาน
4. โชว์เลย ไม่ต้องพูดเยอะ
ใช้ภาพอธิบายตัวอย่างว่า เรากำลังพูดถึงอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นความสามารถพิเศษ ทักษะด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานที่จะฝึก อย่างเช่น มีทักษะด้านตัดต่อวีดิโอ ก็โชว์ภาพตัวเองกำลังนั่งตัดวีดิโออยู่ก็ได้ เป็นต้น
5. ต้องกระชับ ไม่ยืดเยื้อ
การทำ VDO Resume จะมีระยะเวลาของคลิปอยู่ที่ 1-2 นาที เท่านั้น ไม่ควรเกินกว่านี้ (ถ้ายาวกว่านี้ จะไม่น่าดูแล้วล่ะนะ)
6. ลองให้เพื่อน พ่อแม่ พี่น้องได้เชยชมบ้าง
ลองถามคนที่ดู VDO Resume สัก 2-3 คน และนำคอมเม้นต์มาแก้ไข หรือปรับเปลี่ยนดู ผลตอบรับและคำแนะนำต่างๆ เหล่านี้แหล่ะ มีส่วนทำให้งานมีคุณภาพดีขึ้นนะ
แต่อย่าลืมว่า ถ้าอัพโหลดวีดิโอลงบนโซเชียลมีเดียแล้ว เราจะไม่สามารถควบคุมฟีตแบคต่างๆ ได้ เพราะฉะนั้นถ้าเรากลัวคำคอมเม้นต์จากโซเชียลมีเดีย ก็ไม่ต้องแชร์วีดิโอเป็นสาธารณะก็ได้ หรือจะอัพโหลด “VDO Resume ฝากไว้กับเว็บไซต์ที่หาเด็กฝึกงาน และให้ทำ resume ออนไลน์ได้” เพราะนอกจากสะดวกแล้ว VDO Resume ยังส่งถึงบริษัทได้โดยตรงและรวดเร็วด้วย
ขอบคุณข้อมูลส่วนหนึ่งจาก www.thebalance.com
video resume 1 : Syrito Yoyo
video resume 2 : Nick Belling Video Resume/CV
video resume 3 : videocurriculum original
สำหรับน้องๆ ที่สนใจหาสถานที่ฝึกงานหรืองาน Part-Time สามารถหาที่ฝึกงานได้ที่เว็บไซต์ เด็กฝึกงานดอทคอม ศูนย์รวมที่ฝึกงานและสถานที่ฝึกงานมากมาย ส่วนบริษัทที่ต้องการ ประกาศ ฝึกงาน รับนักศึกษาฝึกงาน สามารถมาประกาศฝึกงานฟรี กับเราได้ เพราะพวกเราเป็นแหล่งฝึกงานที่ดีที่สุดในประเทศไทย
สวัสดีครับ ผมนักสืบ"ฮาร์วีย์" หมีผู้รอบรู้แห่งสหราชอาณาจักร จะมาชวนเพื่อนๆ ไปเรียนภาษาทีประเทศอังกฤษและได้ลองใช้ชีวิตแบบบริติชสไตล์กันดูครับ
หากอยากไปฝึกภาษาอังกฤษกับเจ้าของภาษาอย่างแท้จริงแล้ว หลายๆ คนต้องนึกถึงประเทศ "อังกฤษ" เป็นอันดับแรกแน่นอน ทั้งสำเนียงอันเป็นเอกลักษณ์ สถาปัตยกรรมบ้านเมืองที่สวยงาม และวิถีชีวิตแบบผู้ดีอังกฤษที่หลายๆ คนอยากได้ไปสัมผัสกัน เรามาดูกันดีกว่าว่าถ้าไปเรียนภาษาที่อังกฤษแล้ว จะมีกิจกรรมสนุกๆ อะไรให้เราได้ทำกันบ้าง..
รู้หรือไม่ว่าคนอังกฤษไม่ออกเสียง R ท้ายประโยค เช่น water อ่านออกเสียงว่า วอ - เถอะ ถ้าเป็นอเมริกันจะออกเสียงเป็น วอ - เดอร์ เป็นไงละ สำเนียงไม่เหมือนกันเลยทีเดียว ใครที่อยากลองฝึกฝนสำเนียงแบบบริติชลองดูพวกสารคดีหรือข่าวข่อง BBC ไม่ก็ลองฝึกทักษะการฟังจากภาพยนตร์ยอดฮิตอย่าง Harry Potter ดู
คนอังกฤษมักจะเริ่มดื่มชายามบ่าย Afternoon Tea ตั้งแต่บ่าย 3 - 5 โมงเย็น เป็นมื้อของว่างระหว่างมื้อเช้าและมื้อค่ำของชาวอังกฤษ
ส่วน High Tea คือ ชาที่เสิร์ฟในมื้อเย็น เริ่มทานตอน 5โมงเย็น - 1 ทุ่ม ซึ่งจะถูกจัดวางบนโต๊ะอาหารทรงสูง จึงเป็นที่มาของคำว่า High ใน High Tea นั่นเอง
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่คลั่งใคล้ในกีฬาฟุตบอล ขอบอกเลยว่าต้องไม่พลาดที่จะมาเยี่ยมเยือนประเทศอังกฤษสักครั้งในชีวิต เพราะคนอาจจะได้ไปชมฟุตบอล Premier League ติดขอบสนามกับทีมที่คุณชื่นชอบไม่ว่าจะเป็น Liverpool, Manchester United, Chelsea, Arsenal หรือ Sunderland เป็นต้น
ใฝ่ฝันอยากไปเยี่ยมเยือนประเทศแถบยุโรปสักครั้ง ไปเรียนภาษาที่อังกฤษทั้งที คุณสามารถไปเยี่ยมเยียนประเทศรอบข้างอย่างฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี เบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์ หรือสวิสเซอร์แลนด์ต่อได้สบายๆ เพราะอยู่ไม่ไกลจากสหราชอาณาจักรมาก แต่อย่าลืมว่าต้องถือวีซ่าเชงเก้นด้วยหละ
อยากไปกรี้ดให้สนั่นเวทีกับวงร็อคระดับโลกละก็ ที่อังกฤษมีวงร็อคชั้นนำอย่าง Coldplay, Bastile, The 1975, Muse หรือ Arctic Monkeys ล้วนแล้วมีเชื้อสายอังกฤษทั้งนั้น มาประเทศนี้คนจะตามไปคลั่งใคล้กับวงร็อคที่คุณชื่นชอบแน่นอนและยังมีเทศกาลดนตรีตลอดทั้งปีอีกด้วย
ฟินไปกับบรรยากาศสไตล์ยุโรป สถาปัตยกรรมอันสวยงามที่รายล้อมคุณตลอดทั้งเมือง อีกทั้งแต่ละสถานที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ที่คนหลงรักประวัติศาสตร์และอาร์ทต้องร้องกรี้ดอย่างแน่นอน
ละนี่เป็นกิจกรรมดีดีที่ฮาร์วีย์เอามาฝากเพื่อนๆ กัน เพราะอย่างที่บอกการได้ไปเรียนภาษาที่อังกฤษไม่ใช่แค่เรียนเท่านั้น ยังมีอะไรตื่นเต้นให้เพื่อนๆได้สนุกกันอีกเยอะ ถ้าอยากไปเรียนภาษาที่ประเทศอังกฤษ แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปเมืองไหน โรงเรียนไหน ยังไม่มีข้อมูล คลิกเลยที่ http://www.cpinter.co.th/study_abroad.php?country=UK
เฮ้ สวัสดีเพื่อนๆ เราชื่อ Dave เหยี่ยวผู้รอบรู้บินตรงจากสหรัฐอเมริกามาชวนเพื่อนๆ ไปเปิดประสบการณ์ที่อเมริกากัน
เพื่อนๆคงรู้อยู่แล้วว่าการไปพัฒนาภาษาอังกฤษที่อเมริกาจะทำให้พัฒนาได้ดีสุดๆ ทั้งยังได้สำเนียงชิกๆแบบอเมริกันด้วย แต่ว่าความสนุกของเรียนภาษาก็คือการได้ใช้ในชีวิตประจำวันใช่ไหมล่ะ เรามาดูกันดีกว่าว่าถ้าไปเรียนภาษาที่อเมริกา จะมีกิจกรรมสนุกๆอะไรให้เราได้ทำกัน ที่ได้ทั้งฝึกภาษากับเพื่อนๆพร้อมทำกิจกรรมไงล่ะ Come on dude!
ไปฝึกภาษาที่อเมริกาทั้งที ก็ต้องลองฝึกสำเนียงสไตล์อเมริกันให้ได้กันบ้างแหละรวมถึง slang ต่างๆ หรือคำทักทายแบบคนอเมริกันเช่น What's up! Yo! Swag! Dope! คำเท่ๆ สไตล์วัยรุ่นอเมริกันก็เยอะนะ ต้องลองไปฝึกกันดู
คนอเมริกันชอบดูกีฬามากกกก อย่างเดฟเนี่ยจะชอบบาสเกตบอล NBA โดยหลักๆกีฬาที่คนอเมริกาฮิตกันจะมี ฟุตบอล (อเมริกันฟุตบอล) บาสเกตบอล เบสบอล และไอซ์ฮอกกี้ เป็นต้น โดยเสน่ห์ของกีฬาอเมริกันจะมีความตื่นเต้นตลอดระยะเวลาในการแข่ง มีการฟาดฟันอย่างดุเดือด วัฒนธรรมการเชียร์ที่มีไสตล์ของแต่ละทีม อยากรู้ว่ามันสนุกแค่ไหนลอง ต้องมาลอง และการที่เราดูกีฬานี่แหละจะทำให้เราได้พบปะเพื่อนใหม่ๆ ได้ฝึกใช้ภาษาไปกับเรื่องเอ็นจอยๆแบบนี้ ดีจะตาย
อเมริกาขึ้นชื่อเรื่องของดนตรีและศิลปะอยู่แล้ว ไม่ว่าเพื่อนๆจะชอบเพลง Pop, Rock, Hip-Hop, R&B, Indie, Alternative หรือจะแนวอะไรก็ตาม เชื่อเลยว่ามีโอกาสเสมอที่วงโปรดของเพื่อนๆจะมาเล่นในเมืองที่เพื่อนๆอยู่ ก็ตามไปสนุกกันได้เลย แต่ใช่ว่าจะมีแค่คอนเสิร์ตจากวงดนตรีอย่างเดียว เพื่อนๆอาจลองไปชม การแสดงมิวสิคคอล แสดงเต้น หรืองานแสดงศิลปะต่างๆ กันได้ตลอด บอกแล้วดนตรีและศิลปะมีอยู่รอบตัวเสมอ
ถ้ามีโอกาสได้ไปเยี่ยมเยือน LA ย่าน Baverly Hills นะ คุณอาจมีโอกาสได้ไปเซย์ไฮทักทายหรือเข้าไปเซลฟี่เก๋ๆ อวดเพื่อนๆ กับเหล่าคนดัง ดาราฮอลลีวู้ด รวมถึงได้ไปเกาะติดขอบพรมแดงและงานแสดงโชว์ต่างๆ ที่เหล่าคนดังหมุนเวียนกันมาเรื่อยๆ ตลอดทั้งปี
ไหนๆก็มาเรียนถึงอเมริกาแล้วก็ควรออก Road trip ไปไหนไกลๆกับเพื่อนๆสิ รับรองเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าแน่นอน ได้เดินทางไปตามเส้นทางที่เราอยากไปหรือออกไปผจญภัยให้สุดให้ถึงแก่นชีวิตแบบในหนังเรื่อง Into the wild ก็นับว่าบรรลุแล้ว!
ถ้าใครชอบความสนุกตื่นเต้น เวลาว่างหรือปิดเทอม ก็มาทำกิจกรรมโลดโผนกันดูสิ อย่างเช่นในฤดูหนาว ก็ลองออกไปเล่นสกีกัน หรือในช่วงฤดูร้อนก็ไปลองปีนหน้าหรือเดินป่า กิจกรรมพวกนี้ได้ทั้งการออกกำลังกายและได้สนุกกับเพื่อนอีกต่างหาก
ที่อเมริกาจะมีเทศกาลสนุกๆให้ทำเพียบเลย อย่างเช่น Halloween ที่เราจะได้แต่งตัวแฟนซีกันสุดๆ หรือถ้าสายดนตรีต้องห้ามพลาดเทศกาลดนตรี Coachella ที่เราจะได้ตั้งแคมป์รอดูวงดนตรีสุดโปรดของเพื่อนๆ ซึ่งแต่ละรัฐก็จะมีเทศกาลสนุกๆที่ไม่เหมือนใครให้ได้ไปลองกัน
และนี่เป็นกิจกรรมดีดีที่เดฟเอามาฝากเพื่อนๆ กัน เพราะอย่างที่บอกการได้ไปเรียนภาษาที่อเมริกาไม่ใช่แค่เรียนเท่านั้น ยังมีอะไรตื่นเต้นให้เพื่อนๆได้สนุกกันอีกเยอะ ถ้าอยากไปเรียนภาษาที่ประเทศอเมริกา แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปเมืองไหน โรงเรียนไหน ยังไม่มีข้อมูล คลิกเลยที่ http://www.cpinter.co.th/study_abroad.php?country=USA
Fluffy (ฟลัฟฟี่) แกะน้อยแสนน่ารักจะพาเพื่อนมารู้จักกับการเรียนภาษาที่นิวซีแลนด์กันทั้งเรื่องระยะเวลาการเรียน หลักสูตร วีซ่า การเลือกเมืองและสถาบันให้เหมาะกับตัวคุณ พร้อมขอเชิญชวนเพื่อนๆ ไปเปิดโลกการเรียนภาษาและผจญภัยที่ประเทศนิวซีแลนด์กัน เพราะมันดีจริงๆ นะ ฟลัฟฟี่คอนเฟิร์ม!
การเรียนภาษาที่นิวซีแลนด์นั้น เราสามารถเลือกลงเรียนได้ตั้งแต่ระยะสั้นอย่างต่ำ 5-8 สัปดาห์ หรือจะลงระยะยาว 10 สัปดาห์ขึ้นไปก็สุดแล้วแต่ว่าเรามีเวลามากน้อยแค่ไหนในการเรียนเพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษของเรา
โดยหลักสูตรหลักๆก็มีดังนี้
- General English (หลักสูตรภาษาอังกฤษทั่วไป-ฟัง-พูด-อ่าน-เขียน)
- English for Academic Purpose (หลักสูตรภาษาอังกฤษเพื่อเตรียมตัวเรียนระดับมหาวิทยาลัย)
- Test Preparation (หลักสูตรเพื่อเตรียมตัวสอบ IELTS, Cambridge เป็นต้น)
- Business English (หลักสูตรภาษาอังกฤษเพื่อธุรกิจ)
ในส่วนของวีซ่านักเรียนนิวซีแลนด์นั้น นักเรียนสามารถทำงานได้ 20 ชั่วโมง / 1 สัปดาห์นาจา
Fluffy บอกเลยแต่ละเมืองมีความสวยงามด้วยทัศนียภาพธรรมชาติทั้งนั้น ประชากรแต่ละเมืองก็ไม่เยอะมาก Fluffy ขอแนะนำ 4 เมือง จากเกาะเหนือและเกาะใต้ ที่น่ามาเรียนดังนี้นะ
เกาะเหนือ
โอ๊คแลนด์ (Auckland) เป็นเมืองใหญ่และกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีประชากรประมาณ 1 ล้านคน เมืองนี้เป็นศูนย์กลางธุรกิจ และอุตสาหกรรม ของประเทศ เป็นเมืองท่าเรือที่สำคัญ และเป็นเมืองแห่งการแล่นเรือใบ
แฮมิลตัน (Hamilton) เป็นเมืองที่แม่น้ำไวกาโต้ ซึ่งเป็นแม่น้ำยาวที่สุด ในประเทศนิวซีแลนด์ไหลผ่าน และเป็นที่ตั้งของ The University of Waikato
เวลลิงตัน (Wellington) เป็นเมืองหลวงของประเทศนิวซีแลนด์ และเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญ เช่น อาคารรัฐสภา พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ Te Papa
เกาะใต้
ไครัสท์เชิร์ช (Christchurch) เป็นเมืองใหญ่ที่สุดของเกาะใต้เป็นเมืองอุทยานแบบอังกฤษ มีส่วนดอกไม้ สวยงาม มีประชากรอาศัยอยู่ราว 3 แสนคน
หลักๆแล้วสถาบันสอนภาษาอังกฤษของนิวซีแลนด์ จะมี 2 ประเภท คือโรงเรียนสอนภาษาเอกชน และศูนย์ภาษาของมหาวิทยาลัย ทั้งสามแบบมีหลักสูตรการเรียนสอนที่คุณภาพดีเยี่ยมเช่นกัน อาจจะต่างที่บรรยากาศและสภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ บ้าง
สามารถดูรายละเอียดโรงเรียนต่างๆ ตามลิงค์นี้ได้เลยจ้า
http://www.cpinter.co.th/study_abroad.php?country=ZN
น้องๆ หลายๆ คนอยากไปเรียนภาษาที่ออสเตรเลีย แต่ติดปัญกาที่ว่าไม่รู้จะเลือกสถาบันยังไงดี วันนี้"โจอี้" จิงโจ้หนุ่มสุดสปอร์ตจะพามารู้ถึงรูปแบบการเรียนภาษาที่ออสเตรเลีย วีซ่า และการเลือกสถาบันอย่างไรให้เหมาะสมกับเรา...
การเรียนภาษาที่ออสเตรเลียนั้น เราสามารถเลือกลงเรียนได้ตั้งแต่ระยะสั้นอย่างต่ำ 5-8 สัปดาห์ หรือจะลงระยะยาว 10 สัปดาห์ขึ้นไปก็สุดแล้วแต่ว่าเรามีเวลามากน้อยแค่ไหนในการเรียนเพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษของเรา
โดยหลักสูตรหลักๆ มีดังนี้
- General English (หลักสูตรภาษาอังกฤษทั่วไป-ฟัง-พูด-อ่าน-เขียน)
- English for Academic Purpose (หลักสูตรภาษาอังกฤษเพื่อเตรียมตัวเรียนระดับมหาวิทยาลัย)
- Test Preparation (หลักสูตรเพื่อเตรียมตัวสอบ IELTS, Cambridge เป็นต้น)
นอกจากนี้บางสถาบันอาจมีหลักสูตรเฉพาะทางเช่น Business English หรือ English for Barista ด้วยนะ
ที่พิเศษสุดๆ คือการมาเรียนภาษาที่ออสเตรเลีย ผู้เรียนจะได้ถือวีซ่านักเรียนออสเตรเลียซึ่งทำงานพิเศษได้อย่างถูกกฏหมายถึง 40ชั่วโมง/2 สัปดาห์ กันเลยทีเดียว
แล้วจะไปเรียนเมืองไหนดีละ?
ซิดนีย์และเมลเบิร์น เป็นสองเมืองใหญ่ที่โดดเด่นด้วยสีสรรค์และความคึกคัก เต็มไปด้วยความทันสมัยและความงดงามของเมือง หากเพื่อนๆชอบความตื่นเต้นในบรรยากาศสนุกๆแบบนี้ละก็สองเมืองสุดฮอตนี้น่าจะตอบโจทย์จ้า
บริสเบนและโกลด์โคสต์ สองเมืองจากรัฐควีนส์แลนด์ หากเพื่อนๆชอบเมืองใหญ่ ที่บรรยากาศชิวๆ ผ่อนคลาย อากาศคล้ายๆประเทศไทยต้องสองเมืองนี้แหละ ที่นี่อยู่ใกล้กับชายหาดด้วย ใครชอบสายลม แสงแดด มีทะเล เหมาะแก้การมาเรียนด้วย พักผ่อนด้วย ก็ลองมาสองเมืองนี้ดูนะ
เพิร์ทและแอดิเลด อีกสองเมืองใหญ่ ที่มีบรรยากาศเงียบสงบ มีเสน่ห์แต่ละเมืองที่เฉพาะตัว สวยงามไปด้วยทัศนียภาพของธรรมชาติ ซึ่งสองเมืองนี้คนไทยจะไม่เยอะ ถ้าเพื่อนๆชอบเมืองที่สวยงามและสงบ สองเมืองนี้ เพื่อนๆน่าจะชอบจ้า โดยเพิร์ทเป็นเมืองหลวงรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย อยู่ทางตะวันตก ส่วนแอดิเลดเป็นเมืองหลวงรัฐเซาท์ออสเตรเลีย อยู่ทางตอนใต้
หลักๆแล้วสถาบันสอนภาษาอังกฤษของออสเตรเลีย จะมี 3 ประเภท คือโรงเรียนสอนภาษาเอกชน ศุนย์ภาษาวิทยาลัยรัฐบาลและศูนย์ภาษาของมหาวิทยาลัย ทั้งสามแบบมีหลักสูตรการเรียนสอนที่คุณภาพดีเยี่ยมเช่นกัน อาจจะต่างที่บรรยากาศและสภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ บ้าง
สามารถดูรายละเอียดโรงเรียนต่างๆ ตามลิงค์นี้ได้เลยจ้า http://www.cpinter.co.th/study_abroad.php?country=Aust
วันนี้ CP International ขอพาเพื่อนๆ ไปส่อง 10 แลนด์มาร์คที่สำคัญของเมืองหลวงแห่งสหราชอาณาจักร ที่ถ้าได้ไปเหยียบลอนดอนแล้วขอบอกว่าต้องห้ามพลาดที่จะแวะไปเยี่ยมเยือนสถานที่เหล่านี้...
1. Buckingham Palace
พระราชวังบัคคิงแฮม เป็นที่ประทับของพระราชินีของอังกฤษ และเป็นศูนย์กลางของราชวงศ์มาตั้งแต่ปี 1837 ... ในแต่ละวันจึงมีผู้คนไปอยู่รอบๆพระราชวังอย่างมากมาย ด้วยหวังว่า หากโชคดีอาจจะได้เห็นพระราชินีและหมู่ราชวงศ์
2. Houses of Parliament
สภาผู้แทนราษฎรของอังกฤษ รู้จักกันในชื่อ Palace of Westminster เป็นสถานที่ที่การตัดสินใจที่สำคัญๆทางการเมืองของประเทศเกิดขึ้นที่นี่
สถานที่แห่งนี้เป็นที่ประชุมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (House of Commons) และสมาชิกของสภาสูง (House of Lords) ที่ได้รับการแต่งตั้ง ... ผู้คนมักจะมาที่นี่เพื่อชมหอนาฬิกาอันเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของลอนดอน นั่นคือหอนาฬิกา Big Ben
3. Tower of London
หอคอยแห่งลอนดอนอายุกว่า 900 ปีแห่งนี้ เป็นมากกว่าหอคอยธรรมดาๆ ... ที่นี่ เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่บนพื้นที่ราว 18 เอเคอร์ ... ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ที่นี่เคยเป็นพระราชวัง สถานที่คุมขัง โรงกษาปณ์ และแม้แต่เป็นสวนสัตว์
หอคอยแห่งลอนดอน เป็นที่เก็บทรัพย์สมบัติที่ล้ำค่าของอังกฤษ เช่น มงกุฏที่ประดับด้วยเพชรพลอยมูลค่ามหาศาล .. ที่ดูแปลกๆก็คือมีฝูงกาอาศัยอยู่ที่นี่ด้วย ..
มีทหารในชุดแต่งกายสมัยโบราณแบบ Yeoman Warders ดั้งเดิม ที่บ้างเรียกกันว่า Beefeaters คอยดูแลรักษาความปลอดภัย
4. Tower Bridge
ใกล้ๆกับหอคอยแห่งลอนดอน เป็นที่ตั้งของ Tower Bridge สะพานข้ามแม่น้ำเทมส์ที่โด่งดัง
สะพานแห่งนี้เปิดใช้งานในปี 1894 มีลักษณะเป็นสะพานแขวนผสมกับสะพานที่สามารถเปิดตรงกลางสะพานได้ ยามเมื่อต้องการให้เรือสูงๆแล่นผ่านไป-มา
5. London Eye
คงไม่มีวิธีใดที่จะเฝ้ามองกรุงลอนดอนในมุมสูงได้ดีไปกว่า การมองจากชิงช้าขนาดยักษ์สูงถึง 135 เมตรซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเทมส์
London Eye เปิดให้ผู้คนเข้าไปใช้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 1999 เพื่อเฉลิมฉลองและต้อนรับสหัสวรรษใหม่ หรือ the new millennium ... ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ที่นี่ได้กลายเป็นหมุดหมายที่สำคัญแห่งใหม่ของกรุงลอนดอน ในปัจจุบัน London Eye เป็นชิงช้าที่สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก
6. British Museum
พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติของอังกฤษ เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยมีโบราณวัตถุที่เก็บไว้ที่นี่มากมาย ... รวมถึง หิน Rosetta มี่โด่งดัง มัมมี่โบราณของอียิปต์ และรูปปั้นเลื่องชื่อของกรีก
ที่สำคัญที่สุดคือ ที่นี่มีพิพิธภัณฑ์ย่อยๆและแกลเลอรี่อีกหลายแห่งในพื้นที่เดียวกัน ให้เดินชมและศึกษา คือ Natural History Museum, the Science Museum, the National Gallery, the Tate Modern and Tate Britain ... สามารถเข้าชมได้ฟรี
7. St Paul's Cathedral
มหาวิหาร เซนต์ปอล ออกแบบโดย Christopher Wren เป็นวิหารในยุคศตวรรษที่ 17 เป็นเสมือนหนึ่งเพชรน้ำเอกแห่งวงการสถาปัตยกรรมของลอนดอน
ในช่วงระหว่างปี 1710 ถึง 1962 มหาวิหารแห่งนี้เป็นอาคารที่สูงที่สุดของเมือง และโดมของวิหารแห่งนี้ เป็นหนึ่งของโดมที่สูงที่สุดในโลก
8. Westminster Abbey
Westminster Abbey เป็นวิหารที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ด้วยถูกใช้เป็นสถานที่ในการประกอบพิธีเษกสมรสและสมรสของเหล่าสมาชิกของราชวงศ์อังกฤษมาแล้วถึง 16 ครั้ง รวมถึงเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีขึ้นครองราชย์ของราชวงศ์อังกฤษทุกพระองค์มาตั้งแต่ปี 1066 AD
9. Trafalgar Square
จตุรัส Trafalgar โด่งดังด้วยการมีเสา Nelson's Column อยู่ตรงกลางลาน เป็นจตุรัสที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ชื่อของจตุรัส เป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์สู้รบที่สมรภูมิแห่ง Trafalgar อันเป็นส่วนหนึ่งของสงครามนโปเลียน ที่เกิดขึ้นในช่วงปี 1805's
จตุรัสแห่งนี้มักจะถูกใช้เป็นศูนย์รวมของผู้คนเมื่อเกิดเหตุการณ์ประท้วง หรือการรวมตัวของชุมชนจากทั่วประเทศอังกฤษ
10. The West End
หลังกลางวันที่เหน็ดเหนื่อยจากการท่องเที่ยว ขอแนะนำให้คุณๆไปปลดปล่อยความเมื่อยล้า ด้วยการนั่งสบายๆดูการแสดงในใจกลางลอนดอน ณ อาณาเขตที่มากมายด้วยโรงหนัง โรงละครของเมือง
West End นอกจากจะเป็นศูนย์กลางของการแสดง และชีวิตกลางคืนที่เปี่ยมสีสันในหลากหลายรูปแบบแล้ว ที่นี่ยังได้ชื่อว่า เป็นเขตที่มากด้วยร้านค้า และแหล่งช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดของยุโรปอีกด้วย
กระแสภาพยนตร์เรื่อง la la land กำลังมาแรงสุดๆ วันนี้ CP Inter เลยขอพามาดู10 สถานที่ต้องห้าม...พลาดเมื่อมาเยี่ยมเยือนเมืองนางฟ้าแห่งนี้กัน
1. Los Angeles Memorial Coliseum
สนามกีฬาสุดยิ่งใหญ่ประจำเมืองลอสแองเจลิส ที่จุคนได้ถึง 93,607 ที่นั่ง อีกทั้งยังเป็นสนามกีฬาที่ใช้จัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกถึง 2 ครั้ง ใครอยากชมความยิ่งใหญ่สุดมโหฬารหรือเป็นแฟนอเมริกันฟุตบอลตัวยง ขอบอกเลยว่าสนามกีฬาแห่งนี้ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
2. Hollywood
ไม่มีใครไม่รู้จักฮอลลีวู้ด สถานที่อันมีชื่อเสียงทางด้านอุตสาหกรรมภาพยนตร์และแหล่งบันเทิงระดับโลก ที่นี่ยังเป็นศูนย์รวมแหล่งบันเทิงยามค่ำคืน และอีกหนึ่งสถานที่สุดฮิตอย่าง Hollywood Walk of Fame ซึ่งเป็นถนนที่ดาราฮอลลีวู้ดจำนวนมาก ได้ประทับรอยมือและรอยเท้าไว้ตามท้องถนนแห่งนี้
3. Los Angeles County Museum of Art
พิพิธภัณฑ์งานศิลปะที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาตะวันตก ซึ่งมีปฏิมากรรมงานปั้นและชิ้นงานศิลปะจากศิลปินชื่อดังจากทั่วโลกมาจัดแสดงในที่แห่งนี้ ข้างหน้าพิพธภัณฑ์ยังมีเสาไฟมากมายรายล้อมทำให้ที่นี่กลายเป็นแลนด์มาร์กสำหรับคนรักการถ่ายภาพชิคๆ แบบฮิปส์เตอร์
4. J. Paul Getty Center
เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่มีชื่อเสียง ก่อตั้งโดย เจ พอล เก็ตติ ซึ่งจุดเด่นของตึกนี้คือ เป็นสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่ออกแบบโดยสถาปนิค Richard Meier สร้างอยู่บนพื้นที่ 750 เอเคอร์ บนเนินเขาซานตา โมนิก้า โดยพิพิธภัณฑ์แห่งเป็นที่เก็บศิลปะหลายประเภทเช่น ภาพวาด รูปแกะสลัก ภาพถ่าย ของเก่ายุคสมัยกรีกและโรมัน คนรักงานศิลปะทั้งหลาย ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
5. Venice Beach
เวนิส บีช ตั้งอยู่ทางชายฝั่งตะวันตกของแอลเอ เป็นชายหาดที่ถูกปกคลุมไปด้วยแสงอาทิตย์อันสดใส และสามารถทิ้งตัวลงนอนริมชายหาดได้อย่างสงบสุข ชายหาดนี้เป็นที่จุดที่ได้รับความนิยมจากเหล่านักโต้คลื่นและผู้ที่ชอบแสงแดด นอกจากนี้ ที่ยังมีกิจกรรมตามริมทางเดินชายหาดมากมาย เช่น ดูลายมือ ระบำหน้าท้อง มายากลคนกินไฟ และที่โปรดปรานของหนุ่มๆ เลยคือ สาวๆ สวมบิกินี่เล่นสเก็ตไปตามทางเดินของหาด
6. Santa Monica
ไมน่าแปลกใจว่าทำไมซานตา โมนิก้า จึงได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ ๆ น่าค้นหาที่สุดเมืองหนึ่งในแอลเอ เพราะที่นี่เป็นสวรรค์ย่อม ๆ ของผู้ที่ชอบนอนอาบแดดท่ามกลางสายลมและหาดทรายสีขาวนวล รวมถึงเหล่าบรรดานักโต้คลื่นที่หลงรักท้องทะเลอีกด้วย แถมมีร้านค้าให้ช้อปปิ้งมากมาย อีกทั้งยังเป็นสถานที่มีอัตราการเกิดอาชญากรรมน้อยมาก ฟังดูแล้วช่างเป็นสถานที่ ๆ ควรจะหลบไปอยู่เพื่อพักผ่อนเป็นที่สุด
7. Beverly Hills
หากพูดถึงย่านเบเวอรี่ ฮิลล์ส หลายคนคงจินตนาการภาพบรรยากาศอันหรูหราไฮโซ ไลฟ์สไตลล์ของสังคมชั้นสูงขึ้นมาในหัวเป็นอย่างแรก ที่สำคัญสุดย่านนี้ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่เหล่าดาราที่มักจะมาเป็นประจำ แทบจะเดินกระทบไหล่กันได้เลยทีเดียว
8. Music Center for the Performing Arts
ศูนย์รวมแรงบันดาลใจและความบันเทิงที่สำคัญของแอลเอ ซึ่งทุกๆ ปีนั้น มิวสิค เซ็นเตอร์จะเป็นสถานที่สำหรับใช้จัดงานศิลปะ งานบันเทิงต่างๆ มีคนมากกว่า 2 ล้านคนมาเข้าชม โดยจะมีงานใหญ่ ๆ 4 งาน ได้แก่ Disney Concert Hall, Dorothy Chandler Pavilion, Ahmanson Theater and Mark Taper Forum
9. Griffith Park
ด้วยพื้นที่มากกว่า 4,000 เอเคอร์ ของภูมิประเทศอันเขียวขจี ทำให้ กริฟฟิธ พาร์คเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่เป็นอันดับ 10 ในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ ปิคนิค และยังสามารถทำกิจกรรมสนุกๆ ได้หลายอย่าง เช่น การปีนเขา ขี่ม้า เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีหอดูดาวให้ได้ขึ้นไปสำรวจอีกด้วย
10. Universal Studios
สถานที่จำลองฉากหนังและธีมพาร์คชื่อดัง เมื่อคุณได้เข้าไปสัมผัสแล้วคุณจะรู้สึกว่า ได้ร่วมอยู่ในฉากเดียวกับเหล่าบรรดาซุปเปอร์สตาร์ดังจากฮอลลีวูดหรืออยู่ในหนังดังอย่าง Harry Potter, Spider Man, Transformers เป็นต้น
นอกจาก "เมลเบิร์น" ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลกแล้ว อีกหนึ่งเสน่ห์ของเมืองนี้คือ "กาแฟ" ที่ทำให้เหล่าฮิปสเตอร์หรือผู้ที่หลงไหลในกาแฟและคาเฟ่ต่างต้องพาหันมาเยี่ยมเยือน
วันนี้ CP Inter ของเราเลยพามาส่อง 10 คาเฟ่ยอดนิยมที่ถ้าได้มาเมลเบิร์นแล้ว ต้องไม่พลาดที่จะเข้าไปสัมผัสบรรยากาศและจิบกาแฟแบบชาวออสซี่เป็นแน่แท้
1. MARKET LANE COFFEE
ร้านกาแฟท้องถิ่นของชาวเมลเบิร์นที่คนรักกาแฟต่างหลงไหลในกลิ่น รสชาติของกาแฟร้านนี้ ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม Queen Victoria Market ร้านอาจไม่โดดเด่นในการทำ latte art แต่สำหรับคอกาแฟแล้วละก็..ถ้าคุณไม่ได้มาร้านนี้..คุณเหมือนยังมาไม่ถึงเมลเบิร์น
2. OPERATOR 25
คาเฟ่น้องใหม่ที่พึ่งเปิดไม่นาน ร้านและเมนูถูกดีไซน์ให้โดนใจฮิปสเตอร์สุดๆ โดดเด่นด้วยเมนู brunch หน้าตาดีและกาแฟสูตรพิเศษ
3. BROTHER BABA BUDAN
ร้านกาแฟฮิปสเตอร์เล็กๆ สุดป็อป ที่มีการจัดวางเก้าอี้ไม้รกๆ ไว้บนเพดานบวกกับแสงไฟสีเหลืองอุ่นๆ ที่คอยดึงดูดคนที่ผ่านเข้ามาอย่างไม่ขาดสายในย่าน Little Bourke Street ที่พลาดไม่ได้คือรสชาติเยี่ยมของกาแฟสูตรพิเศษของทางร้านที่คอกาแฟห้ามพลาดเป็นที่สุด
4. AUCTION ROOMS
คาเฟ่ยอดฮิตของเมลเบิร์นเนี่ยนที่ดีไซน์สวยและกว้างขวางในย่าน North Melbourne บริการเสิร์ฟ All-day breakfast ตั้งแต่ 7 โมงเช้า ซึ่งเมนูอาหารเช้าแต่ละจานถูกดีไซน์ออกมาไม่ซ้ำใคร
5. THE KETTLE BLACK
หนึ่งในคาเฟ่ที่ฮอตที่สุดในเมลเบิร์นตอนนี้เลยก็ว่าได้ มีคนเข้ามาไม่ขาดสาย ยิ่งวันหยุดนะต้องต่อคิวกันเลยทีเดียว คาเฟ่มีดีไซน์เรียบหรูมินิมอล เมนู brunch น่าตาดีสุดๆ ไปเลยละ ห้ามพลาดเชียวถ้าไปเมลเบิร์น
6. CUMULUS INC.
หากมองหาร้านอาหารเช้า เที่ยง เย็น ร้านนี้ตอบโจทย์สุดๆ ด้วยบรรยากาศที่ comfy และมีเคาเตอร์บาร์สำหรับนั่งดริ้งค์อีก เหมาะมานั่งชิลสวยๆ ดื่มด่ำบรรยากาศเป็นที่สุด
7. SEVEN SEEDS
คาเฟ่สุดฮิตที่มีคนหวุนเวียนเข้ามาไม่ขาดสาย เสริ์ฟเมนู brunch ที่หลากหลายและกาแฟแบบพิเศษที่ทางร้านคัดสรรมาอย่างดี พนักงานเป็นกันเองสุดๆ
8. THE HARDWARE SOCIÉTÉ
จะมาร้านนี้วางแผนให้ดี เพราะเป็นหนึ่งในคาเฟ่ที่คนเยอะที่สุดในเมลเบิร์นเลยก็ว่าได้ ด้วยเมนูขึ้นชื่ออย่าง Baked Eggs และคาปูชิโน่ร้านนี้จัดว่าเด็ด!
9. SENSORY LAB
ร้านตั้งอยู่ในห้าง David Jones หนึ่งในร้านโปรดของคนรักกาแฟเลยก็ว่าได้ ด้วยความพิถีพิถันในกระบวนการชงและให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมในการชิมรสชาติกาแฟต่างๆ มากมาย ก็เป็นอีกหนึ่งสีสันให้คุณได้สัมผัสกาแฟที่หลากหลาย
10. DUKES COFFEE ROASTERS
ร้านกาแฟที่พิถีพิถันในขั้นตอนและรสชาติ ตกแต่งด้วยไม้อัด recycle รักษ์โลกสุดๆ และยังเป็นหนึ่งในร้านที่เรียกได้ว่าเป็นแหล่งชุนนุมของบาริสต้าเลยก็ว่าได้
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการไปเรียนภาษาอังกฤษในต่างประเทศได้กลายเป็นหนึ่งเทรนด์ฮิตที่นักเรียนไทยนิยมไปเรียนกันด้วยเหตุผลที่ว่าได้ใช้ภาษาอังกฤษในสถาพแวดล้อมจริง ได้ประสบการณ์การท่องเที่ยวในสถานที่ใหม่ๆ และพบปะกับคนหลากหลายเชื้อชาติ วันนี้ CP Inter เลยขอเชิญชวนเพื่อนๆ ไปเรียนภาษาอังกฤษที่ต่างประเทศกันว่ามีดียังไงบ้าง...
หากกล่าวถึงมหาวิทยาลัยระดับท็อปของประเทศออสเตรเลีย แน่นอนว่าต้องมีชื่อของ University of Sydney อยู่แน่นอน ด้วยความที่เป็นมหาวิทยาลัยในกลุ่ม Group of 8 ที่มีคุณภาพการเรียนการสอนดีที่สุดในออสเตรเลีย และยังเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยในฝันของนักศึกษาไทยหลายๆคนอีกด้วย เอาล่ะ มาทำความรู้จักกับ USYD ให้มากกว่าเดิมในนี้กันเลย
มหาวิทยาลัยแห่งแรกของออสเตรเลีย
The University of Sydney เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศออสเตรเลีย ก่อตั้งในปี ค.ส. 1850 แต่สิ่งที่สำคัญกว่าอื่นใดคือการที่ USYD ยังคงรักษาชื่อเสียง มาตรฐาน และคุณภาพระดับโลกมาเป็นเวลายาวนาน ซึ่งปัจจุบัน USYD อยู่ในมหาวิทยาลัย Top 3 ของออสเตรเลีย และ Top 50 ของโลก
ผู้นำด้านการศึกษาระดับโลก
การติดอันดับโลกในสาขาวิชาต่างๆของ The University of Sydney เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ดีว่า USYD เป็นมหาวิทยาลัยหัวแถวของโลกมากเพียงใด โดย 41 สาขาติดอันดับ Top 100 ของโลก และใน 9 สาขาติด Top 20 ของโลก นอกเหนือจากนั้นยังติด Top 15 ของโลก ของการจัดอันดับบัณฑิตที่จบมาแล้วมีงานทำมากที่สุด
วิทยาเขตสวยงาม จนใครๆก็หลงรัก
ไม่ใช่เพียงแต่ด้านการศึกษาเท่านั้นที่ USYD ได้รับการยอมรับระดับโลก ในด้านความสวยงามของวิทยาเขตก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ใครๆก็ชื่นชมในความงดงาม ถึงขนาดติดอันดับ Top 10 มหาวิทยาลัยที่มีวิทยาเขตสวยที่สุดในโลกจาก British Daily Telegraph และ The Huffington Post
การเรียนการสอนที่เน้นความคิดสร้างสรรค์
ตัดไปเลยเรื่องการเรียนแบบท่องจำ เพราะที่ USYD เน้นให้นึกศึกษาคิด วิเคราะห์ หาข้อมูลอย่างอิสระ เน้นการทดลองสิ่งใหม่ๆอย่างสร้างสรรค์ โดยมีอาจารย์ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่
อ่านเรื่องเล่านักเรียนจาก CP Inter ได้เลยว่าบรรยากาศการเรียนที่ USYD เป็นอย่างไร: http://www.cpinter.co.th/knowledge_detail.php?id=9
มีศูนย์สอนภาษาคุณภาพดีเยี่ยม
Centre for English Teaching: University of Sydney เป็นศูนย์สอนภาษาภายใน UYSD เปิดสอนหลักสูตรภาษาอังกฤษมากมาย เหมาะสำหรับคนที่อยากมาฝึกภาษาอังกฤษหรือเตรียมตัวก่อนเรียนมหาวิทยาลัยได้เป็นอย่างดี เพราะอยู่ภายใต้มหาวิทยาลัย มีบรรยากาศการเรียนสบายๆห้องละไม่เกิน 18 คน สอนโดยอาจารย์ที่มากด้วยประสบการณ์
ถ้าสนใจศึกษาต่อที่ USYD ต้องทำอย่างไรบ้าง?
โอกาสดีสำหรับคนที่สนใจศึกษาต่อที่ USYD หรือมหาวิทยาลัยในประเทศออสเตรเลีย สามารถเข้ามาสอบถามและสัมภาษณ์โดยตรงกับเจ้าหน้าที่ตัวแทนจากมหาวิทยาลัย ในงาน The University of Sydney Interview Session วันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2560 เวลา 15.00-18.00 น. ณ ณ CP International Office ชั้น 9 อาคารพหลโยธินเพลส (ใกล้ BTS อารีย์)
ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้แล้วที่ https://goo.gl/IQiRIU
ติดต่อสอบถามโทร 02 278 1236, 090 880 9994
หรือ info@cpinter.co.th หรือ LINE: @cpinter
อยากรู้ไหมทำไมนิวซีแลนด์ ถึงเป็นประเทศในฝันของนักเรียนทั่วโลก วันนี้ CP International จะพาเพื่อนๆไปรู้จักกับ Fluffy เจ้าแกะน้อยจอมผจญภัยตัวแทนจากนิวซีแลนด์ ที่จะมาบอกต่อเหตุผลดีๆที่ควรเรียนที่นิวซีแลนด์กัน!ตามมากันเลย
Fluffy แกะน้อยจอมผจญภัย ตัวแทนจากนิวซีแลนด์ พร้อมแล้วที่จะมาอัพเดททุกเรื่องเรียนต่อนิวซีแลนด์ให้เพื่อนๆฟังก่อนใคร
มาดูกันสิว่าที่นิวซีแลนด์จะมีอะไรดี ตาม Fluffy มาเลย
นิวซีแลนด์ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่สวยที่สุดในโลก เต็มไปด้วยขุนเขา ป่าไม้ ทะเล ท้องฟ้าใสที่ปกคลุมด้วยเมฆขาว ว้าว! ลองนึกถึงเรื่อง The Lord of the Rings หรือ Hobbit ตามสิ สวยงามเหมือนหลุดมาจากนิยายเลย นอกจากนั้นบรรยากาศที่นี่เต็มไปด้วยความสงบและมีความปลอดภัยสูงอีกต่างหาก
ที่นิวซีแลนด์มีค่าครองชีพที่ไม่สูงมาก ค่ารถสาธารณะก็ไม่แพง และรู้ไหมที่นิวซีแลนด์มีอัตราการคอรัปชั่นต่ำที่สุดในโลก มั่นใจได้เลยว่าคนที่นี่นิสัยดีและซื่อสัตย์สุดๆ
ระบบการศึกของนิวซีแลนด์มีคุณภาพการสอนที่ได้รับการยอมรับระดับสากล เน้นคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ และมีอุปกรณ์การเรียนที่ทันสมัย ถ้าเพื่อนๆไปเรียนที่นิวซีแลนด์มั่นใจได้เลยว่าได้ทั้งภาษา ความรู้ความสามารถ และโอกาสได้งานดีๆมากมาย
นักเรียนต่างชาติสามารถทำงานระหว่างเรียนได้ถึง 20ชั่วโมง/สัปดาห์ และทำได้เต็มเวลาช่วงวันหยุดภาคฤดูร้อน เพื่อนๆ ลองจัดเวลากันดูนะ
สำหรับคนที่เรียนต่อทางสายอาชีพหรือระดับปริญญา เมื่อเรียนจบแล้วสามารถทำงานหลังจบการศึกษาได้ 1 ปี เมื่อทำงานแล้วสามารถขอวีซ่าทำงานต่อได้ 2-3 ปี อีกด้วย!
เป็นไงบ้าง..กับข้อมูลที่ Fluffy เอามาฝากเพื่อนๆกัน ครั้งหน้า Fluffy จะมาอัพเดทเรื่องเรียนต่อนิวซีแลนด์อะไรนั้น ต้องรอติดตามกันทางเพจ CP International เลยจ้า
แต่ถ้าเพื่อนๆอยากเรียนต่อนิวซีแลนด์ สามารถสอบถามข้อมูลได้เลยที่พี่ๆ CP Inter เลยนะ! ปรึกษาฟรีพร้อมให้คำแนะนำดีสุดๆ
แล้วเจอกันจ้า!!
เรียนต่อออสเตรเลียมีระดับไหนบ้าง?
ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่? ยื่นขอวีซ่าประเภทใด?
น้องโจอี้มีคำตอบ!
หลายๆ คนคงสนใจเรียนต่อระดับปริญญาที่เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย วันนี้ CP International เลยขอพามารู้จักกับ UTS: University of Technology Sydney มหาวิทยาลัยชั้นนำที่อายุน้อยแต่ดีกรีการเรียนการสอนระดับโลกเลย ไปดูกันว่า UTS นั้นน่าเรียนขนาดไหนกันเถอะ..
UTS เป็นมหาวิทยาลัยอายุน้อยกว่า 50 ปีดีที่สุดในออสเตรเลีย จัดอันดับโดย QS World University Ranking และยังติดอันดับโลกด้วยเช่นกัน โดดเด่นด้วยวิสัยทัศน์และคุณภาพระดับสากล
UTS ตั้งอยู่ในนครซิดนีย์ เมืองเศรษฐกิจหลักของออสเตรเลีย ใช้เวลาเดินทางเพียง 5 นาทีก็ถึง Central Station สถานีหลักของรถไฟและรถประจำทางประจำซิดนีย์ ทำให้เดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกสบาย
UTS มุ่งเน้นการเรียนแบบปฏิบัติ โดยเน้นให้ความรู้ที่สามารถประยุกต์ใช้ได้จริง ทั้งยังมีการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ UTS ยังเป็นพันธมิตรกับบริษัทชั้นนำมากมาย ทำให้นักศึกษาได้โอกาสฝึกงานและเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพกับบริษัทชื่อดัง
UTS เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้าน Engineer, Business, Communication, Design, Nursing, Laws, Health และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งทุกหลักสูตรการันตีคุณภาพระดับสากล
นอกจากการเรียนการสอนที่มีคุณภาพแล้ว UTS ยังเป็นมหาวิทยาลัยที่เอาใจใส่นักศึกษาต่างชาติเป็นอย่างดี ทั้งช่วยหาที่พัก บริการด้านสุขภาพ ช่วยเหลือด้านภาษาอังกฤษและการเรียน แทบไม่ต้องกังวลเลยเมื่อมาเรียนที่นี่ เพราะ UTS ดูแลนักศึกษาทุกคนอย่างเต็มที่
สำหรับใครที่สนใจเรียนต่อระดับปริญญาตรี โท หรือเอกที่ UTS สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ CP International ตัวแทนอย่างเป็นทางหารของมหาวิทยาลัยชั้นนำของออสเตรเลีย
ติดต่อสอบถามโทร 02 278 1236, 090 880 9994 หรือ info@cpinter หรือ LINE: @cpinter
หนึ่งในสายอาชีพยอดนิยมของนักเรียนไทยที่ไปเรียนต่อที่ออสเตรเลีย คือ สายงานด้านบริการ วันนี้ CP Inter เลยขอแนะนำ 5 สายงานด้านบริการที่น่าเรียนที่สุดในขณะนี้กันว่ามีอะไรบ้าง...
1. Hospitality
หลักสูตรยอดนิยมของนักเรียนไทยที่รักงานบริการ คุณจะได้เรียนรู้การบริการลูกค้าในสถานที่ต่างๆ การจัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่มในรูปแบบต่างๆ นอกจากนี้บางสถาบันยังเทรนและหางานให้คุณทำในบริษัทชั้นนำอีกด้วย
2. Hotel & Tourism Management
การจัดการโรงแรมและการท่องเที่ยวก็เป็นอีกหนึ่งสายงานที่ได้รับความนิยม ที่คุณจะไม่ได้ทำแค่งานบริการอย่างเดียว คุณจะได้เรียนรู้ถึงระบบการบริหารงานในโรงแรม การจัดการท่องเที่ยวต่างๆ เรียกได้ว่าเรียนจบสามารถเอาไปต่อยอดในอนาคตได้เลย
3. Cookery
อีกหนึ่งสาขาสุดป็อปของคนไทย คือเรียนทำอาหาร ซึ่งที่ออสเตรเลียจะให้คุณได้รังสรรค์อหารที่หลากหลายชาติและเป็นสากล ที่สำคัญรสชาติต้องอร่อยถูกปาก สำหรับใครที่อยากเป็นเชฟหรือเปิดร้านอาหาร คอร์สนี้ถือว่าตอบโจทย์เลยทีเดียว
4. patisserie
กินขนมตามคาเฟ่กันมาตั้งเยอะ หลายๆ คนคงอยากมีร้านเป็นของตัวเอง หนึ่งซึ่งที่ร้านขาดไม่ได้คือขนม สำหรับคนรักเบเกอรี่อยู่แล้วต้องไม่พลาดที่จะเทคคอร์สนี้ ซึ่งคุณจะได้เรียนการทำขนมเค้ก การอบ การใช้เครื่องมือต่างๆ จนคุณสามารถรังสรรค์ขนมหลากหลายชนิดออกมาให้โดนใจคนทานได้
5. Event Management
สายงานที่กำลังเป็นที่นิยมและเท่สุดๆ คือ Event Management คุณจะได้เรียนรู้การจัดงานในรูปแบบต่างๆ การเตรียมงาน การบริหารงบประมาณ การดีลงาน การรันงานอีเว้นท์อย่างไรให้ราบรื่น เรียกได้ว่าครบครันและคุณยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย
CP Inter อยากขอแนะนำ "10 มหาวิทยาลัยน่าเรียนในออสเตรเลีย" ให้ทุกคนได้รู้จักกัน ที่ไหนเป็นยังไง มีทุนให้ไหม ตามมากันเลย
The University of Sydney (USYD)
มหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศออสเตรเลีย ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ดีสุดในโลก ตั้งอยู่ที่เมืองซิดนีย์ เมืองในฝันของใครๆหลายคน ที่ USYD เปิดสอนหลักสูตรที่กว้างขวางที่สุดในออสเตรเลีย และมีถึง 8 สาขา ที่ติด Top 20 ของโลก จากการจัดอันดับของ QS World Rankings นอกจากชื่อเสียงและคุณภาพการสอนที่อยู่อันดับต้นๆของโลกแล้ว ก็ยังติด Top 10 มหาวิทยาลัยที่สวยที่สุดในโลกจาก Daily Telegraph อีก
ทุนการศึกษา
ทุนการศึกษาส่วนลดค่าเล่าเรียนจำนวน 1,000 AUD ให้กับนักเรียนที่สมัครเรียนสาขาใดก็ได้ ทั้ง ปริญญาตรี โท และเอก (ยกเว้นหลักสูตร Business ทุกหลักสูตร) และเริ่มเรียนในเดือนกรกฎาคม 2017
คณะยอดนิยม
บริหารธุรกิจ การเกษตร ศึกษาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ กฏหมาย การแพทย์
ศิลปศาสตร์ สัตวแพทย์ศาสตร์ แพทย์ พยาบาล เป็นต้น
University of Technology Sydney (UTS)
UTS ขึ้นชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยอายุน้อยกว่า 50 ปีที่ดีสุดในออสเตรเลีย และยังติด อันดับ Top 10 ในออสเตรเลียอีกด้วย UTS เป็นมหาวิทยาลัยทันสมัยที่โดดเด่นในด้านเทคโนโลยี มีชื่อเสียงในการมีส่วนร่วมกับภาคอุตสาหกรรมและภาครัฐในออสเตรเลีย เน้นการเรียนการสอนเชิงปฏบัติแบบมืออาชีพ โดยมหาวิทยาลัยตั้งอยู่ในย่านธุรกิจเมืองซิดนีย์ จึงเต็มไปด้วยสีสัน สถานท่องเที่ยว และการเดินทางที่สะดวกสบาย
คณะยอดนิยม
วิศวกรรมศาสตร์ สถาปัตย์ ศึกษาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ กฏหมาย วิทยาศาสตร์ เภสัชศาสตร์ การจัดการข้อมูล การสื่อสาร เป็นต้น
RMIT University
มหาวิทยาลัยระดับโลกที่มีชื่อเสียงด้านเทคโนโลยีและการออกแบบ รวมถึงเป็นสถาบันอุดมศึกษาที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรเลีย ติดอันดับ Top 100 ของโลกในสาขา บัญชี การเงิน วิศวกรรมโยธา และวิศวกรรมเครื่องกลสารสนเทศ นอกจากนี้ยังได้คะแนนระดับ5 ดาว จาก QS ในด้านการเรียนการสอน สิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัย และโอกาสได้งานสูง RMIT ตั้งอยู่ในเมืองเมลเบิร์น เมืองที่น่าอยู่ที่สุดในใจใครหลายคน
คณะยอดนิยม
ศิลปศาสตร์ สถาปัตย์ บริหารธุรกิจ วิศวกรรมศาสตร์ การก่อสร้างและโยธา การสื่อสาร เทคโนโลยีสารสนเทศ ศึกษาศาสตร์ การพัฒนาสิ่งแวดล้อม กฏหมาย วิทยาศาสตร์ เป็นต้น
The University of Western Australia (UWA)
มหาวิทยาลัยชั้นนำที่ติดอันดับ Top 100 ของโลก และยังอยู่ในกลุ่ม Worldwide Universities Network ที่มุ่งเน้นการทำวิจัยระดับสากล ซึ่งทำให้ UWA มีแผนการเรียนที่ยืดหยุ่นและตอบสนองความเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างรวดเร็ว สร้างบัณฑิตคุณภาพทุกรุ่น
UWA ตั้งอยู่เมืองเพิร์ท อีกหนึ่งเมืองที่ใครๆก็ให้ความเห็นว่าเหมาะแก่การมาเรียนต่อมากที่สุด
ทุนการศึกษา
ทุนการศึกษาระดับปริญญาโทให้กับนักศึกษาต่างชาติที่มีผลการเรียนดีที่สมัครเข้าเรียนกับมหาวิทยาลัยภายในปี 2017 โดยมูลค่าทุนการศึกษาวัดจากผลการเรียนเฉลี่ย GPA ในระดับปริญญาตรี มูลค่า 3,000 AUD – 7,000 AUD
อ่านรายละเอียดทุน: http://www.cpinter.co.th/scholarships_detail.php?id=7
คณะยอดนิยม
บริหารธุรกิจ บัญชี วิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ ศิลปศาสตร์ จิตวิทยา ปรัชญา การออกแบบ สถาปัตย์ เกษตรศาสตร์ แพทย์ศาสตร์ ทันตแพทย์ศาสตร์ เภสัชศาสตร์ เป็นต้น
Western Sydney University
‘’เราพร้อมมอบศักยภาพที่ไม่จำกัดแก่นักศึกษาที่มีความทะเยอทะยานและคุณจะประสบความสำเร็จแน่นอน’’ คือพันธกิจสำคัญของ Western Sydney University (WSU) ที่ให้คำมั่นแก่นักศึกษา ที่ WSU เป็นมหาวิทยาลัยระดับโลกแห่งเมืองซิดนีย์ มีชื่อเสียงด้านงานวิจัยมากมาย โดยมหาวิทยาลัยแห่งนี้ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ควบคู่ไปกับการทำงาน เพื่อต่อยอดความฝันของนักศึกษา ดั่งพันธกิจที่ได้กล่าวไว้ตอนต้น
ทุนการศึกษา
Vice-Chancellor’s Academic Excellence Postgraduate Scholarships ทุนลดค่าเล่าเรียน 50 % สำหรับหลักสูตรปริญญาโท 2 ปี
อ่านรายละเอียดทุน: http://www.cpinter.co.th/scholarships_detail.php?id=11
คณะยอดนิยม
ศิลปศาสตร์และมนุษย์ศาสตร์ บริหารธุรกิจ การสื่อสาร การออกแบบและสื่อ วิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาศาสตร์สุขภาพและการกีฬา การพยาบาล กฏหมาย แพทย์ศาสตร์ สังคมศาตร์ เป็นต้น
Macquarie University
มหาวิทยาลัย Top 10 ของออสเตรเลีย ขึ้นชื่อเรื่องการเรียนการสอนแบบ Research ว่าดีที่สุดแห่งหนึ่งในโลก นอกจากนี้ยังเป็นผู้นำด้านหลักสูตร Business ตัวจริง การันตีอันดับ 1 ของออสเตรเลียในหลักสูตร MBA และติดอันดับโลกในด้าน Accounting และ Finance จาก QS World Rankings อีกด้วย ซึ่ง MQU เป็นมหาวิทยาลัยที่ขึ้นชื่อเรื่องการได้งานมากที่สุดแห่งหนึ่งในออสเตรเลีย นอกจากนี้ยัง โดดเด่นในเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกแก่นักศึกษาเช่น หอพัก ฟิตเนสเซ็นเตอร์ ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล และอื่นๆอีกมากมาย โดย MQU ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองซิดนีย์มากนัก แถมยังมีสถานีรถไฟอยู่หน้ามหาวิทยาลัย
ทุนการศึกษา
ASEAN Scholarship ทุนสนับสนุนค่าเล่าเรียนสำหรับนักเรียนไทย มูลค่า 5,000 AUD ต่อปี ทั้งหลักสูตรปริญญาตรีและปริญญาโท
อ่านรายละเอียดทุน: http://www.cpinter.co.th/scholarships_detail.php?id=9
คณะยอดนิยม
บริหารธุรกิจและเศรษฐศาสตร์ ศิลปศาสตร์ สังคมศาสตร์ วิทยาศาตร์ กฏหมาย แพทย์ศาสตร์ เป็นต้น
Swinburne University of Technology
มหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่อยู่คู่เมืองเมลเบิร์นมาเป็นเวลานาน โดยเริ่มจากกรเป็นสถาบันด้านเทคนิคท้องถิ่นก่อนเติบโตมาเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำในออสเตรเลีย สร้างบัณฑิตคุณภาพจากรุ่นสู่รุ่น โดดเด่นทั้งการเรียนแบบ Course Work และค้นคว้าวิจัย โดยเฉพาะหลักสูตรศิลปะและดีไซน์ ติดอันดับ Top 100 จาก QS World University
ทุนการศึกษา
ทุนการศึกษาส่วนลดค่าเรียนมูลค่า 10% ถึง 25% สำหรับหลักสูตรปริญญาโทหลักสูตร 2 ปี
อ่านรายละเอียดทุน: http://www.cpinter.co.th/scholarships_detail.php?id=10
คณะยอดนิยม
ศิลปศาสตร์ จิตวิทยา การออกแบบ บริหารธุรกิจ วิศวกรรมศาตร์ การท่องเที่ยว มัลติมิเดียร์ วิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
Australian Catholic University (ACU)
มหาวิทยาลัยรัฐบาล ที่ก่อตั้งมานานกว่า 150 ปี ถูกยกย่องเป็นมรดกทางการศึกษาแห่งยุค มีชื่อเสียงระดับโลก มุ่งเน้นให้นักศึกษามีส่วนร่วมกับชุมชนพร้อมกับพัฒนาความสามารถเชิงปฏิบัติ ด้วยวิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยมของ ACU ที่ต้องการเห็นนักศึกษาทุกคนนำความรู้กลับไปพัฒนาชุมชนบ้านเกิด จึงผลิตนักศึกษาที่มีทั้งความรู้และคุณธรรม ที่ ACU มีวิทยาเขตถึง 6 เมืองด้วยกัน ได้แก่ เมลเบิร์น ซิดนีย์ บริสเบน แคนเบอร์รา แบลเลอแรต และสแตรทฟิลด์
ทุนการศึกษา
ทุนการศึกษา 1,000 AUD ในปีแรก สำหรับนักศึกษาต่างชาติ ที่สมัครเข้าเรียน สาขาใดก็ได้ใน Business School ของ ACU และเข้าเรียนในปี 2017 นี้เท่านั้น
คณะยอดนิยม
การศึกษาและศิลปะ วิทยาศาสตร์สุขภาพ กฏหมายและบริหารธุรกิจ ปรัชญา เป็นต้น
Curtin University
Curtin University อยู่ในกลุ่มมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก มีพันธมิตรและเครือข่ายในวงการสาขาต่างๆ เพื่อโอกาสในการพัฒนาอย่างเต็มที่ของนักศึกษา โดยมีวิสัยทัศน์ที่ต้องการให้นักศึกษาทุกคนมีความพร้อมเข้าทำงานในตลาดโลกที่มีการแข่งขันสูง Curtin University เป็นมหาวิทยาลัยที่มีนักศึกษาต่างชาติจำนวนมาก จึงโดดเด่นด้วยวัฒนธรรมที่หลากหลาย สร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ด้วยประสบการณ์ใหม่ๆตลอดเวลา โดยมหาวิทยาลัยตั้งอยู่ที่เมืองเพิร์ท เมืองที่ใครๆหลายคนต่างก็หลงรัก
ทุนการศึกษา
ทุนส่วนลดค่าเล่าเรียน 25% (สูงสุด 10,000 AUD) สำหรับนักศึกษาต่างชาติที่สมัครเรียน ปริญญาตรีและปริญญาโท เข้าเรียนที่ Perth Campus ในปีการศึกษา 2017 เท่านั้น
คณะยอดนิยม
บริหารธุรกิจ ไอที วิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ศิลปศาสตร์ ศึกษาศาตร์ สถาปัตย์ เกษตรศาตร์ เป็นต้น
Southern Cross University (SCU)
มหาวิทยาลัยรัฐบาล อยู่ในทำเลที่ตั้งใกล้ชายหาดทะเล จึงเต็มไปด้วยบรรยากาศที่สวยงามและตื่นเต้น ขณะเดียวกันก็มีชื่อเสียงโดดเด่นในด้านบริหารธุรกิจ การโรงแรม และงานวิจัย ที่ SCU มีอยู่ทั้งสิ้น 3 วิทยาเขตได้แก่ ลิสมอร์ คอร์ฟฮาเบอร์ และโกลด์ โคสท์
คณะยอดนิยม
บริหารธุรกิจ การโรงแรม ไอที กฏหมาย ครุศาตร์
หากน้องๆ คนไหนสนใจเรียนต่อปริญญากับมหาวิทยาลัยในออสเตรเลียแห่งใดละก็...สามารถสอบถามข้อมูลเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนโทร 02 278 1236, 090 880 9994
หรือ info@cpinter.co.th หรือ LINE: @cpinter
หากพูดถึงการไปเรียนภาษาอังกฤษที่ประเทศสหรัฐอเมริกานั้น เชื่อว่าเพื่อนๆหลายคนก็ยังหนักใจว่าจะไปเรียนที่เมืองไหนดีนะ เมืองนั้นก็ดีเมืองนี้ก็น่าอยู่ แล้วไปไหนดีละเนี่ย!! แบบนี้มาลองเช็คกันดีกว่าว่าสไตล์ของเมืองไหนในอเมริกาที่เหมาะกับเพื่อนๆมากที่สุด วันนี้ CP International จะพาเพื่อนไปรู้จักกับเมือง Portland แห่งรัฐ Oregon
1. เมืองที่ปลอดภัยที่สุดในอเมริกา
Portland ถูกยกให้เป็นเมืองที่ปลอดภัยมากที่สุดเมืองหนึ่งในอเมริกา ทั้งยังสะอาดและสวยงาม ที่สำคัญชาวเมือง Portland เป็นมิตรและให้การช่วยเหลือชาวต่างชาติอย่างเป็นกันเองอีกด้วย
2. การคมนาคมที่สะดวกสบาย
ระบบคมนาคมที่สุดสะดวกสบายเป็นอีกเสน่ห์ที่ใครๆต่างก็หลงรักใน Portland ด้วยระบบรถประจำทางและรถไฟที่ดีสุดแห่งหนึ่งในอเมริกา มีรถไฟฟรีบริการทั่วตัวเมือง แถมยังเหมาะแก่การขี่จักรยานอีกด้วย เรียกว่าไปไหนมาไหนอย่างสบายๆแบบไม่จำเป็นต้องมีรถส่วนตัวก็ได้
3. กิจกรรมสุดมันส์ประจำเมือง
Portland เป็นเมืองที่มีกิจกรรมสนุกๆ ให้ชาวเมืองได้เอ็นจอยกันเสมอ ไม่ว่าจะเทศกาลงานศิลปะ คอนเสิร์ตมันส์ๆจากวงดนตรี งานเดินขบวนซอมบี้ งานชิมช็อคโกแลต รวมไปถึงการแข่งขันสุดแปลกมากมายที่ใครอยากรู้ต้องมาลอง
4. เมืองแห่งรถขายอาหาร
แทบทุกย่านของ Portland มีศูนย์รถขายอาหาร โดยมีอาหารจากทั่วทุกมุมโลกมาให้เลือกรับประทาน ที่สำคัญเปิดบริการตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน งานนี้ได้อิ่มอร่อยกันทั้งวัน
5. ย่านช้อปปิ้งสุดชิคที่ไม่ควรพลาด
ใครเป็นขาช้อปบอกเลยที่ Portland มีแหล่งช้อปปิ้งให้ช้อปกระจาย โดยเฉพาะย่านเพิลร์ดิสทริก (Pearl District) และย่านอัลฟาเบธดิสทริก (Alphabet District) เพราะสองย่านนี้เค้าจัดเต็มทั้งเสื้อผ้า ของแฮนด์เมด แกลลอรี่สวยๆ รวมทั้งร้านกาแฟ ร้านไอศกรีม และร้านอาหารอร่อย ต่างมารวมกันอยู่สองย่านนี้
6. ค่าครองชีพไม่แพงแถมช้อปไม่ต้องเสียภาษี
Portland เป็นเมืองที่ค่าครองชีพต่ำที่สุดเมืองหนึ่งในอเมริกา โดยค่าใช้จ่ายต่อเดือนของนักเรียนต่างชาติถือว่าไม่สูงมาก และที่ดีที่สุดคือ Portland ซื้อของไม่เสียภาษี!! ถ้าเป็นที่เมืองอื่นๆนี่อาจโดนเรียกเก็บภาษี 7-8% เลยทีเดียว
7. สถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติมากมาย
คราวนี้เรามาลองดูสถานที่ธรรมชาติสุดชิวที่อยู่ภายในรัฐ Oregon กันบ้าง เพราะที่นี่ถูกยกย่องเรื่องความสวยงามตามธรรมชาติและมีสภาพอากาศที่แตกต่างกันมากที่สุดในอเมริกา มีทั้งป่าดิบชื้น ทะเลทราย ชายทะเล รวมถึงยอดเขาที่มีหิมะปลกคุม มาเรียนที่นี่ ได้เรียนได้เที่ยวอย่างสุดเหวี่ยงแน่นอน
เป็นไงบ้างเพื่อนๆ ที่ Portland เป็นเมืองที่ใช่สำหรับเพื่อนๆ หรือเปล่า? ถ้าใช่แล้วละก็ตัดสินใจมาเรียนที่ Portland กับ CP International เลย สมัครวันนี้รับส่วนลดพิเศษจากสถาบันชั้นนำของเมืองพอร์ทแลนด์ไปเลย
โทร 02 278 1236, 090 880 9994
หรือ info@cpinter.co.th หรือ LINE: @cpinter
www.cpinter.co.th